หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า "ช่วงก่อนงานกฐิน ๓ วัน ก็เข้ากรรมฐานตามที่ได้รับปากพระท่านไว้ ปรากฏว่าเพื่อนที่เรียนพุทธศาสตร์บัณฑิตด้วยกัน ท่านชิงเลิกหายใจไปก่อน ท่านมาหา ก็มาบ่น ๆ สารพัดเรื่องให้ฟัง ว่าตายแล้วที่วัดนั้นยุ่ง เหมือนยุงตีกัน แล้วก็มาเตือนว่าอย่าลืมไปงานศพท่านด้วย
ถ้าหากเราฟังเฉย ๆ ก็ไม่มีอะไรหรอก แต่คราวนี้คิดอีกที ตายแล้วยังยึดติดอีกหรือนี่ ก็เพราะความที่ใจมันยังห่วงงาน ห่วงวัดวาอารามอยู่ ยังยึดยังเกาะอยู่ ก็เลยไปไกลไม่ได้ แล้วก็ห่วงกระทั่งงานศพของตัวเองว่าเราจะไปหรือไม่ไป เราก็เออ..ผีกับคนก็คล้าย ๆ กัน ถ้าตราบใดที่ยังไม่สามารถทำกำลังใจให้ขึ้นเป็นถึงพระอริยเจ้าจริง ๆ พวกรักโลภโกรธหลงก็เหมือนกันทุกอย่าง เพียงแต่ว่าอยู่กันคนละสภาพเท่านั้น
ของพวกเราก็รักโลภโกรธหลงในลักษณะของกายหยาบ ของเขาก็รักโลภโกรธหลงในลักษณะของกายทิพย์ โดยเฉพาะสัมผัสต่าง ๆ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจของเขาจะละเอียดกว่าปกติ รับรู้ได้กว้างไกลกว่าปกติ ดีไม่ดีอาจทำให้รักโลภโกรธหลงมากกว่าปกติเสียด้วยซ้ำไป เพราะว่ารับรู้ละเอียดมากกว่า"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
|