คำสอนพระอานนท์ ๑๔ ส.ค.๒๕๓๖
อายาตนะภายในกับอายาตนะภายนอก
และธรรมสมมุติไปสู่ธรรมวิมุติ
ตาเห็นรูป ตาเป็นอายตนะภายในไม่เที่ยงก็เป็นของร้อน
นอกจากนั้น ตาก็จะเสื่อมไปตามสภาพของขันธ์ ๕
และสายตาที่สัมผัสรูปต่าง ๆ ก็ไม่สามารถมองรูปหนึ่งรูปใดได้นาน ๆ สายตาก็ต้องเคลื่อนไป
จึงไม่เที่ยง ในที่สุดสายตาของขันธ์ ๕ ก็ดับไปเป็นอนัตตา
รูปเป็นอายตนะภายนอก ก็ไม่เที่ยง จึงเป็นของร้อนเช่นกัน
รูปอาศัยดิน น้ำ ลม ไฟ ประกอบขึ้นมาเป็นรูป มีวิญญาณธาตุและอากาศธาตุเข้ามาผสม
ณ ที่นี้หมายถึงรูปคนและสัตว์เป็นสำคัญ รูปเหล่านี้อาศัยอยู่ได้ในความไม่เที่ยง
ดูแต่ลมหายใจเข้าแล้วไม่หายใจออก รูปก็ดับ
เมื่อในที่สุดธาตุลมดับแล้ว ธาตุไฟดับตาม ธาตุน้ำก็ละลายธาตุดิน
จนตกอยู่ในสภาพอนิจจังและอนัตตาไปในที่สุด จึงจัดว่าเป็นของร้อน
ตามที่องค์สมเด็จพระประทีปแก้วตรัสสอนไว้ดังนี้
"จงพิจารณากำหนดรู้อายตนะภายในและภายนอกอยู่อย่างนี้ให้เนือง ๆ
จิตจักได้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในอายตนะนั้นเป็นของร้อน
เพราะมีความไม่เที่ยงอยู่เยี่ยงนี้เป็นปกติ พิจารณาอายตนะ ๑๒ ให้ครบวงจร
แล้วจงทำความเบื่อหน่ายในอายตนะภายในและภายนอกนั้น
จนในที่สุดจิตจะคลายจากความกำหนัดลงได้ ในเมื่อเห็นสภาพตามความเป็นจริงว่า
อายตนะภายใน คือ ร่างกายของเราเอง อายตนะภายนอก คือ ร่างกายของคนอื่น
ล้วนเป็นของร้อน เพราะไม่เที่ยง ยึดเอามาเป็นสาระแก่นสารไม่ได้"
"เมื่อไม่เที่ยงก็เป็นสมมุติ จิตยึดติดในสิ่งที่ไม่เที่ยง จึงเป็นจิตที่ติดสมมุติ
ต่อเมื่อจิตพิจารณาจนหลุดพ้นธรรมสมมุติเหล่านี้ไปแล้ว
จิตนั้นก็จะอยู่ในความเที่ยง ไม่รุ่มร้อนไปกับอายตนะ ๑๒ อีกต่อไป
จิตดวงนี้จึงจะเรียกว่า เข้าถึงธรรมวิมุติอย่างแท้จริง"
จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๖
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน