"ส่วนพี่น้องคริสต์อิสลามไม่ต้องพูดถึง...ไปเกิน เพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้มีจิตสำนึกเพื่อส่วนรวมสูงมาก ไปแล้วแย่งกันนั่งข้างหน้า ส่วนพระเราไปก่อนนั่งข้างหลังสุด ต้องเคี่ยวเข็ญ ทั้งนิมนต์ ทั้งฉุด ทั้งกระชาก ถึงจะยอมไปนั่งข้างหน้า แปลว่าเราสู้เขาไม่ได้ตั้งแต่ในมุ้ง..!
ถามว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ? เพราะว่า สติ สมาธิ ปัญญา ของเราอ่อนมาก ทำให้ไม่กล้าคิด ไม่กล้าพูด ไม่กล้าทำ ไม่กล้าแสดงออก ขนาดวัดท่าขนุนของอาตมาทำวัตรเช้าเย็นวันละ ๓ รอบ อย่าคิดว่ามาก พี่น้องอิสลามละหมาดวันละ ๕ รอบ..! สรุปก็คือถ้าเราจะสร้างเสริมสมาธิของเราให้แน่น เพื่อที่จะเอาตรงนี้ไปสู้เขา เราก็ยังสู้ไม่ได้ เพราะว่าของเราทำวัตร ๓ รอบ ยังมากเกินไปในความรู้สึกของวัดอื่น ๆ
อาตมาไปทองผาภูมิใหม่ ๆ เขาสวดมนต์ทำวัตรกันเฉพาะในช่วงเข้าพรรษา จนกระทั่งไปปรับปรุงแก้ไขแบบยัดเยียด แล้วปรากฏว่าประสบความสำเร็จ วัดอื่นก็ค่อย ๆ ลุกตามมา แล้วถ้าจะเอาความสามัคคี โดยนิสัยคนไทยเราก็ไม่ได้อย่างนั้น เราไม่ได้เป็นทาสคนอื่นมานานเกินไป เอาแค่เราไปพม่า จะมีชุมชนคนไทยโดนกวาดต้อนไปตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเป็นพระราชกุมาร หลายแห่งพูดไทยไม่ได้แล้ว แต่สำนึกความเป็นไทยยังเต็มเปี่ยม เกาะกลุ่มอยู่ในชุมชนเหนียวแน่นมาก เพราะว่าไปอยู่ใจกลางบ้านศัตรู ถ้าไม่เหนียวแน่นรักใคร่กันไว้ เราก็อยู่ไม่รอด
ดังนั้น...การที่เราว่างเว้นจากศึกเสือเหนือใต้ ตลอดจนกระทั่งการเป็นทาสคนอื่นเขามานาน บางทีทำให้จิตสำนึกความรักความสามัคคีกลมเกลียวนั้นน้อยลง ต้องบอกว่าสมควรที่จะเป็นทาสเขาอีกนาน ๆ จะได้เอาจิตสำนึกส่วนนี้กลับมา..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-01-2020 เมื่อ 21:11
|