คำสอนสมเด็จองค์ปฐม
การพึ่งตนเองด้วยปัญญา
กับการตัดกรรมของพระฉันนะ
ให้เจ้ารู้อยู่แต่ในธรรมปัจจุบัน
เจ้าพึงศึกษาและเรียนรู้เข้าไว้ เพื่อจักทำให้อารมณ์จิตเป็นสุข
ธรรมนี้เพื่อช่วยอารมณ์จิตของเจ้าเอง เหมือนกับที่สมเด็จองค์ปัจจุบันทรงตัดกรรมให้กับพระฉันนะ
ให้ละจากธรรมในอดีต ที่เป็นสหชาติกับพระองค์ลงเสีย
ให้ละจากธรรมอนาคตทั้งหมด ที่มุ่งหวังจากพระทุกองค์ในความเกื้อกูลเนื่องด้วยความเป็นสหชาตินั้น
พระฉันนะยึดอดีตไม่ได้ เพราะขันธ์ ๕ ขององค์สมเด็จพระจอมไตรทรงปรินิพพานไปแล้ว
จักยึดอนาคตเพื่อพึ่งใครก็ไม่ได้ เพราะถูกสั่งลงพรหมทัณฑ์ คือ อยู่แต่ผู้เดียว
จึงอยู่กับธรรมปัจจุบันอันเดียวดายนั้น เป็นการบีบบังคับให้พระฉันนะต้องพึ่งตนเอง
การคิดและพิจารณาธรรมอยู่ในปัจจุบันนั้น คือ การพึ่งตนเองด้วยปัญญา โดยยึดอริยสัจ คือ ทุกขสัจเป็นที่ตั้ง
ในที่สุดพระฉันนะก็จบกิจได้ด้วยธรรมปัจจุบันนั้น เห็นภาพสภาพความเป็นจริงของขันธ์ ๕ ที่เป็นทุกข์ ไม่เที่ยง ยึดถืออะไรไม่ได้
เห็นสภาพความเป็นจริงของกิเลสที่เป็นเจ้านาย ครอบงำอารมณ์ของจิตที่ทำให้ตกเป็นทาสของมัน
ทำให้จิตเคลื่อนไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อพิจารณาถึงที่สุด พระฉันนะก็หมดทุกข์
เห็นองค์สมเด็จพระจอมไตรอยู่ที่พระนิพพานอย่างชัดเจน
ดังนั้น เมื่อบรรลุถึงธรรมวิมุติแล้ว พระฉันนะก็คิดถึงคุณและโทษของการอยู่ว่า
จักมีประโยชน์หรือไม่ เมื่อเห็นว่าเป็นโทษก็ยอมละทิ้งขันธ์ ๕ เพื่อนิพพานไปดังกล่าว
ตถาคตจักถามเจ้าดูว่า พระฉันนะฆ่าตัวตาย เพราะอาลัยหรือไม่อาลัยในขันธ์ ๕ (ตอบว่า ไม่อาลัย )
ใช่ เพราะท่านหมดอารมณ์ที่จักอาลัยแล้ว ต่างกับคนที่ฆ่าตัวตายเพราะมีอารมณ์ไม่รักก็ชัง
จึงไม่พ้นทุกข์ ตถาคตยกเรื่องนี้ให้เจ้าได้คิดพิจารณา
พระที่ท่านได้พระอรหัตผล เพราะตัดความรักอาลัยในขันธ์ ๕ หมดจากอารมณ์เบียดเบียนกายและจิตแล้ว จึงพ้นทุกข์
ขอให้เจ้าศึกษาธรรมในปัจจุบันให้ดี ๆ ละจากธรรมที่เป็นอดีตและอนาคตเสีย
มีชีวิตอยู่อย่าหนีปัญหา เพราะหนีไม่พ้น หากกายยังอยู่ ปัญหาของโลกก็เป็นธรรมดาของโลก
จะพ้นได้ เมื่อตัดอารมณ์พอใจกับไม่พอใจได้เด็ดขาดแล้ว
หากยังตัดอารมณ์พอใจกับไม่พอใจไม่ได้ จงอย่าเอาอดีตที่ผ่านมาแล้ว และอนาคตซึ่งยังไม่ถึงมาครุ่นคิด
เพราะล้วนเป็นทุกข์ของจิต ต้องอยู่ในปัจจุบันธรรม
จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๖
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน