ถาม : หนูภาวนาคาถาเงินล้านจนเหมือนเป็นอัตโนมัติ ประคองไปได้ ๓ อาทิตย์แล้วก็ล้ม กำลังจะเริ่มใหม่ บางวันก็ได้ บางวันก็ไม่ค่อยดีอยู่ บางวันนั่งสมาธิแล้วไม่เป็นสมาธิ ก็คิดว่าจะนั่งทำไม หนูก็เลยมาพิจารณาร่างกายแทน พิจารณาไปจนน้ำตาร่วง คิดว่าชีวิตนี้ไร้สาระ ที่ผ่านมาโดนหลอกมาขนาดนี้เลยหรือ เราไปทำใครเขาไว้ ก็ขอโทษเจ้ากรรมนายเวร หนูคิดไปเองหรือเปล่า ควรจะทำแบบนี้ต่อไปอีกหรือไม่คะ ?
ตอบ : แบ่งเป็น ๒ ประเด็น ประเด็นแรกคือเรื่องของสมาธิ เราอยากได้คืนมากเกินไป คราวนี้ตัวอยากได้มากเกินไปทำให้ฟุ้งซ่าน ก็เลยไม่ทรงตัว เพราะว่าภาวนาเมื่อไรเราก็อยากให้สงบเหมือนเดิม กลายเป็นว่าตัวอยากให้สงบเป็นตัวฟุ้งซ่าน ต้องทำใจว่าเรามีหน้าที่ภาวนา ส่วนผลจะเป็นอย่างไรช่างมัน ถ้าอย่างนั้นจะได้คืนเร็ว
ประการที่ ๒ คือ ควรจะมีการพิจารณาประกอบไปด้วยทุกครั้ง เอาให้เห็นชัด ๆ เลยว่าอัตภาพร่างกายนี้ไร้สาระ เกิดมาชาติแล้วชาติเล่าก็ยังต้องทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาแบบนี้จะไม่มีสำหรับเราอีกแล้ว พยายามสรุปจบลงตรงนี้ให้ได้ทุกครั้ง ถ้าสภาพจิตยอมรับจริง ๆ ก็อย่างที่ว่า คือซึ้งจนน้ำตาร่วงเอง
พอเห็นอย่างนั้นชัดเจนจริง ๆ แล้ว ว่าร่างกายเราไม่มีอะไรดีเลย ในเมื่อตัวเราไม่มีอะไรดี ตัวคนอื่นก็เหมือนกัน เรายังไม่อยากได้ใคร่ดีในตัวเอง จะไปอยากได้ใคร่ดีในตัวคนอื่นได้อย่างไร ? ท้ายสุดคนอื่นก็ไม่ดี โลกนี้ก็ไม่ดี ในเมื่อเราไม่ต้องการอีก ความปรารถนาในการเกิดไม่มี ก็ตัดกิเลสของตัวเองได้ไปตามลำดับขั้น ก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ของเรามีเท่าไร ก็จะได้ไปตามที่เราสั่งสมมา ถ้าสามารถพ้นไปได้เลยก็ถือว่าจบจึงต้อง พิจารณาไว้ทุกครั้ง อย่ารอให้ภาวนาไม่ได้แล้วค่อยมาพิจารณา
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-09-2019 เมื่อ 16:40
|