"ทางด้านผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี ถามหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิว่าจะเอาอย่างไร ? หลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิท่านก็บอกว่า ตั้งแต่ท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอมาก็ดี ตั้งแต่ท่านยังเป็นเลขานุการเจ้าคณะอำเภอมา ๒ รูปก็ดี รวมแล้ว ๓ ยุคสมัย ตั้งกี่ปี ? ไม่เคยเห็นหลวงพ่อท่านนี้เข้าร่วมประชุมเลย เพราะฉะนั้น..ถ้าทำในลักษณะนี้ก็เท่ากับว่าไม่ได้ขึ้นตรงต่อคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ทางคณะสงฆ์ก็ไม่ยอมรับว่ามีสำนักสงฆ์แห่งนี้อยู่ สรุปก็คือให้ดำเนินคดีไปตามความเป็นจริง ทางคณะสงฆ์จะไม่ไปแทรกแซงอะไรทั้งนั้น
โดยเฉพาะว่าหลวงพ่อท่านนี้คิดอย่างไรไม่รู้ ท่านมีลูกศิษย์ที่เข้านอกออกในวังได้ ถึงขนาดไปทูลเกล้าถวายฎีกา เลยบอกว่า คุณรู้ไหมว่ารัชกาลที่ ๑๐ ทรงเด็ดขาดแค่ไหน ? โดยเฉพาะการจัดการกับบรรดานักบวชที่ไม่ได้เรื่องได้ราว แต่ท่านกล้าถึงขนาดถวายฎีกาในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ อาศัยที่ว่ามีลูกศิษย์เข้านอกออกในได้
คราวนี้ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย ถ้าถึงเวลาอยู่ ๆ มีข่าวขึ้นมาว่าทางการบุกรื้อสำนักสงฆ์ที่ทองผาภูมิก็ไม่ต้องตกใจ เรื่องจะเป็นไปแบบนี้ค่อนข้างแน่นอน แล้วพื้นที่ก็เป็นพื้นที่ของ สปก. ซึ่งที่ของ สปก. ถ้าจำไม่ผิดเขาให้ครอบครองได้ไม่เกินคนละ ๑๕ ไร่ แต่หลวงพ่อท่านไปทำรั้วไว้ ๕๐ กว่าไร่ กลายเป็นหลวงพ่อไปบุกรุกที่ ไม่ใช่กำนันไปบุกรุกที่ แต่กำนันโดนฟ้องเสียหายไปแล้ว ทางจังหวัด ทางอำเภอ ตอนแรกก็มาด้วยความหงุดหงิดมาก ว่าเป็นกำนันแทนที่จะดูแลลูกบ้าน ทำไมถึงปิดทางไม่ให้ลูกบ้านเข้าออก ?"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-09-2019 เมื่อ 02:24
|