รั่วไหลไปทางใดบ้าง ? ก็ไปตามอายตนะภายใน ๖ อย่าง คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ รั่วออกได้ทุกประตู ตาอยากเห็นรูป ชอบใจรูปแบบไหน เราตะเกียกตะกายไปหามาดู หูอยากได้ยินเสียง ชอบเสียงแบบไหน เราก็ตะเกียกตะกายไปหามาฟัง จมูกอยากได้กลิ่น เราชอบกลิ่นแบบไหนก็ตะเกียกตะกายไปหามา ลิ้นอยากได้รส ชอบรสแบบไหน เราก็ตะเกียกตะกายไปหามา กายสัมผัส ชอบการสัมผัสแบบไหน เราก็ตะเกียกตะกายไปหามา ใจครุ่นคิดฟุ้งซ่านปรุงแต่ง เราแทนที่จะหยุดกำลังใจไว้ที่ลมหายใจเข้าออก เราก็ไปปล่อยให้ใจฟุ้งซ่านไปเรื่อย กำลังที่เราสะสมไว้เพื่อตัดกิเลสจึงรั่วไหลจนหมด ไม่เหลืออะไรไว้ให้เราใช้งาน
โดยเฉพาะการเป็นนักปฏิบัติของเราปัจจุบันนี้ อาตมาอยากจะเรียกว่าทำแก้บน คำว่า ทำแก้บน ในที่นี้หมายความว่าสักแต่ว่าทำพอเป็นพิธีว่าฉันได้ปฏิบัติสมาธิภาวนาแล้ว บุคคลที่มุ่งหวังในเรื่องของมรรคของผลจริง ๆ นั้น เมื่อทำสมาธิภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัวแล้ว ก็ต้องประคับประคองรักษาสมาธิภาวนานั้นให้อยู่กับเราให้นานที่สุด
ถ้าเรารู้จักประคับประคองรักษาอารมณ์สมาธิภาวนาไว้หลังจากที่ได้ปฏิบัติไปแล้ว เราก็สามารถที่จะยืดระยะเวลาความผ่องใสของจิตเราให้นานขึ้นไปได้เรื่อย ๆ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2019 เมื่อ 14:13
|