"ท่านพระครูวิบูลย์เจติยานุรักษ์ เรียนด้วยกันที่วัดไร่ขิงตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตร ปริญญาตรี ปริญญาโท พอจบโทท่านบอกว่า “อาจารย์เล็ก ผมไม่เอาแล้วนะ ผมไปหาเรียนที่ใกล้ ๆ วัดผมดีกว่า ผมเรียนมาจนจบปริญญาโทมานี่ เฉพาะค่ารถอย่างเดียวนี่เป็นล้านแล้ว” ลองคิดดูว่าต้องเติมน้ำมันเติมแก๊สไปล้านกว่าบาท แล้วเงินนี้ตกอยู่กับใคร ? ก็ตกอยู่กับชาวบ้านเขา
เพราะฉะนั้น..ตัวนี้ที่บอกว่าได้พัฒนาสังคมและท้องถิ่นก็ใช่ แต่ขณะเดียวกันถ้าได้ความรู้ความสามารถมาแล้วไปทำงาน อย่างอาตมาเองไม่ว่าจะเป็นหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล ไม่ว่าจะเป็นชุมชนคุณธรรม ไม่ว่าจะเป็นสภาวัฒนธรรม ก็สามารถใช้ความรู้ในการพัฒนาท้องถิ่นของเราได้
ดังนั้น..เมื่อวานนี้ที่ท่านอาจารย์ด็อกเตอร์พิเชฐบอกว่า "ถ้าเป็นไปได้แล้วให้เรียน โดยเฉพาะถ้ามีเครือข่าย สมมติว่าคุณมาจากจังหวัดอื่นผ่านไปทางวัดท่าขนุน ไม่มีที่กิน ไม่มีที่นอน โผล่ไปหาหลวงพ่อเล็ก บอกว่าเป็นศิษย์ มจร. อยู่ที่นั่นที่นี่ ท่านก็คงจะไม่ไล่คุณออกจากวัดมาหรอก อย่างน้อยก็ต้องมีที่กินที่นอนให้ นี่คือเครือข่าย ท่านบอกสามารถช่วยเหลือเราได้ยามลำบาก ยามเดือดร้อน อะไรที่หนักเกินกำลังก็อาศัยเครือข่ายได้" ตรงนี้เป็นเรื่องจริง
อย่างอาตมาปัจจุบันเป็นประธานองค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ก็แปลว่า ๒๓ จังหวัดใน ๖ ภาค ไปไหนก็ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนฝูงได้หมด เป็นประธานศูนย์ประสานงานสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรี ทุกสำนักก็ไปพึ่งพาเขาได้หมด เป็นประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ก็แปลว่าสภาตำบลอีก ๗ ตำบลก็อาศัยเขาได้หมด เครือข่ายพวกนี้มีแต่จะกว้างออกไป ๆ
มีบางคนส่งลูกเรียน หาโรงเรียนที่มีชื่อเสียง พยายามยัดเยียดลูกเข้าไปให้ได้ เขาบอกว่าไม่ได้ต้องการให้ลูกมีความรู้ แต่ต้องการให้ลูกได้รุ่น เราจะเห็นว่าถึงเวลาแล้วนายกรัฐมนตรี บรรดารัฐมนตรี เรียนรุ่นนั้นรุ่นนี้มาด้วยกัน เครือข่ายพวกนี้ทรงพลังกว่าที่เราคิด บางทีลูกหลานหรือคนรู้จักจะทำงานก็ฝากกันได้"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-07-2019 เมื่อ 02:23
|