“มีอยู่บ้านหนึ่ง ๒ ปี อาตมาไปสวดมนต์ที่บ้านนั้น ๑๘ ครั้ง บ้านเดียวเลย เพราะฉะนั้น..พอพรรษาที่สาม อาตมารู้งานหมดแล้ว ก็เริ่มโบ้ยให้รุ่นน้องไปบ้าง ไม่ไปเองแล้ว โดยเฉพาะถ้าเป็นงานที่ลานตะโกนี่ ไม่มีใครอยากไปเลย แปดโมงครึ่งแล้วยังไม่เริ่มสวดมนต์ โดยเฉพาะผู้ใหญ่จันทร์ แกเป็นทายก แกก็เอ้อระเหยลอยชายไปเรื่อย พระหิวไส้แขวนแล้ว..! บางทีหิวมาก ๆ ก็ "ผู้ใหญ่..เมื่อไรจะสวดมนต์สักที ?" "รออีกสักหน่อยสิ คนยังมาไม่ครบ จะหิวอะไรนักหนาเชียว" ไอ้เราก็นึกในใจว่า "มึงตื่นขึ้นมา มึงก็แดกกาแฟปาท่องโก๋ไปแล้ว แต่กูนี่อดมาตั้งแต่เพลเมื่อวานนี้..!"
โดยเฉพาะของพระ ตามพระธรรมวินัยแล้วก็คือ ถ้าหากว่าฉันอยู่ ลุกแล้วก็หมดสิทธิ์ไปเลย ไม่ใช่โยมที่นึกจะกินเมื่อไรก็ได้ ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ถึงเวลาก็ไม่มีใครอยากไปงานผู้ใหญ่จันทร์ แล้วก็ดันจัดเป็นงานประจำปีทำบุญลานตะโก อาตมาไปอยู่ ๓ ครั้งก็เลิกไปเลย
ท้ายสุดต้องไปเอาพระที่วัดตรงท่าน้ำมโนรมย์ ก่อนหน้านี้ชื่อวัดเสริมศรีสุขสวัสดิ์ เพราะว่าเป็นวัดที่ท่านเจ้าคุณเสริมกับแม่อ๋อยช่วยกันสร้างขึ้นมา คราวนี้มาตอนหลัง เจ้าอาวาสใหม่ไปทำเละเทะ ท่านไม่สนับสนุนอีก วัดก็โทรมหมดสภาพไป พอเจ้าคณะจังหวัดส่งพระรูปใหม่มาเป็นเจ้าอาวาส เขาก็เลยเปลี่ยนชื่อวัดไปด้วย ไม่รู้ว่าปัจจุบันนี้ใช้ชื่ออะไร ? ลานตะโกพอพระวัดท่าซุงไม่ไป เขาก็ไปเอาพระที่วัดตรงท่าน้ำมโนรมย์ไปแทน”
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-05-2019 เมื่อ 04:46
|