ส่วนใหญ่แล้วญาติโยมเวลาปฏิบัติมักจะมีปัญหาทั้งนั้น แต่มีแล้วไม่กล้าถาม อายบ้าง อะไรบ้าง ก็เลยเสียประโยชน์ของตัวเอง การถามปัญหาเป็นการเรียนลัด การเรียนลัดทำให้เราไม่ต้องไปเสียเวลานาน โบราณถึงบอกได้ว่า อายครูบ่รู้วิชา มัวแต่อายอยู่ กลัวคนจะรู้ว่าเรามีความเลวแบบไหน
นักปฏิบัตินี่เขาจะอายถ้าคิดว่าตัวเองมีความดี แต่ถ้าความเลวนี่ต้องรีบขนออกมาเลย กำจัดได้ ต้องรีบกำจัด ฆ่าทิ้งได้ต้องรีบฆ่าทิ้ง ถึงเวลารีบหาความเลวให้เจอ หลายต่อหลายคนพอถึงเวลาจิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก โอ๊ย...ตะเกียกตะกายอยู่เป็นเดือนเป็นปี ไม่กล้ามาหา...อาย รู้สึกว่าตัวเองเลว พยายามตะกายอยู่จนเกือบจะหมดสภาพ
กำลังใจดีขึ้นมาหน่อยแล้วค่อยมาหา โดยที่ลืมไปว่าตอนที่ตัวเองแย่ที่สุด จำเป็นต้องไป เพื่อให้ครูบาอาจารย์ท่านช่วยเหลือ ตอนดีแล้วไปทำอะไร ? จะไปอวดท่านว่าดีแล้วเราจะได้อะไร ?
พระท่านไม่ได้ดูว่าใครดีใครเลว พระท่านดูแค่ว่าจะสงเคราะห์ให้ดีอย่างไร ส่วนใหญ่แล้วก็กลัวกัน อีกพวกหนึ่งก็อยากรู้อยากเห็น ถึงเวลาอธิษฐานมาตั้งแต่บ้าน ผมคิดเรื่องอย่างนี้ไว้ ถึงเวลาพระอาจารย์ต้องทักให้ตรงกับที่ผมคิด กินอิ่มไปหรืออย่างไร ? ดูความผิดความชั่วของตัวเองก็ดูไม่หวาดไม่ไหวแล้ว จะให้ไปดูคนอื่นอีก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-02-2019 เมื่อ 19:57
|