ถาม : มีนักการเมืองคนหนึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เขาบอกว่าไม่ต้องเรียนประวัติศาสตร์ เมื่อไม่ต้องเรียนประวัติศาสตร์แล้วให้แต่งตำราออกมาว่าฝันไป ในเมื่อฝันไป ประวัติศาสตร์ไทยจึงรางเลือนไป โทษเด็กนักเรียนไม่ได้ ในระยะเวลาเดียวกันก็ออกมาด้วยว่า ห้ามเขียนว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย ?
ตอบ : อาตมาถึงบอกว่าไม่ได้โทษเด็ก แต่โทษระบบการศึกษาของเรา แล้วระบบการศึกษามาจากไหน ? ก็มาจากบรรดาท่านทั้งหลายที่มีอำนาจนั่นแหละ โดยเฉพาะเห็นเด็กเป็นหนูทดลองยา พอตัวเองมาก็เปลี่ยนหลักสูตรใหม่ เปลี่ยนวิธีการใหม่ ยุ่งไปหมด แล้วดูระบบ “ควายเซ็นเตอร์” จนป่านนี้สำเร็จไหมเล่า ? ๒๐ กว่าปีแล้ว
ถาม : ระบบเอาเด็กเป็นศูนย์กลาง มาจากที่ภรรยาของผู้มีอำนาจบริหารตอนนั้นเรียนปริญญาโท เขาอยากทดลองเอามาสอนเด็กพิเศษ แต่สามีดันอยากมีผลงาน เลยเอามาใช้ทั้งประเทศไปเลย ก็เลยมาจนถึงบัดนี้ ?
ตอบ : ในส่วนของเอาเด็กเป็นศูนย์กลางจริง ๆ ถูก แต่ไม่ถูกตรงที่เขาไม่ได้ดูบริบทของสังคมบ้านเรา ไปเลียนแบบต่างประเทศมาโดยไม่ลืมหูลืมตา ต่างประเทศเขาให้เด็กทำอะไรด้วยตนเอง คิดด้วยตนเองมาตั้งแต่ยังไม่ทันจะเดินได้ เคยเห็นฝรั่งกี่คนอุ้มลูกบ้าง ? ถึงเวลาเตาะแตะ ๆ ได้ก็จูงเดินแล้ว จะเดินหรือไม่เดิน ? ถ้าแหกปากร้องก็ทิ้งไว้ตรงนั้นเลย เด็กก็ต้องตามมาเอง ก็ต้องพยายามตะเกียกตะกายเอง ก็ทำให้เขารู้จักคิด รู้จักเอาตัวรอด ในเมื่อใช้ระบบให้เด็กเป็นศูนย์กลางเขาก็สามารถที่จะรองรับได้
ส่วนบ้านเรานี่ไม่มีหรอก ตัวเล็กกว่าควายนิดเดียวยังโอ๋อยู่ตลอด..! ก็เลยทำให้เด็กของเราคิดไม่เป็น ทำไม่เป็น ในเมื่อคิดไม่เป็น ทำไม่เป็น ไปเอาระบบที่ให้เด็กเป็นศูนย์กลางก็ไปไม่รอด
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2019 เมื่อ 10:21
|