"กล้วยไข่เอาไว้เชื่อมใส่กะทิ ถ้าหากว่ากล้วยน้ำว้าต้องหาที่ไส้เหลืองนะ แล้วค่อยเอามาบวชชี แต่กล้วยน้ำว้าบวชชีเขาให้ใส่เกลือลงไปช้อนหนึ่งต่อกล้วยน้ำว้าหนึ่งหม้อ เพราะว่ากล้วยหวาน ต้องเอาเกลือลงไปตัดรส
ส่วนกล้วยเล็บมือนางเขาให้ตากแล้วดองน้ำผึ้งกินบำรุงกำลัง เหมาะกับคนแก่ สรุปว่าอาตมาโตมากับสวนกล้วย เลยรู้จักกล้วยเยอะมาก
ยังมี "กล้าย" ที่ไม่ใช่กล้วยอีก กล้ายนี่ลูกเท่าท่อนแขนเลย ถ้าหากว่าไม่หิวจริง ๆ คนเดียวกินกล้ายลูกหนึ่งไม่หมดแน่นอน ยาวเท่าท่อนแขนอาตมาเลย เด็กกรุงเทพฯ ไปเจอที่ทองผาภูมิตื่นเต้นกันใหญ่ บอกว่ากล้วยยักษ์ ไอ้เด็กบ๊อง..! เขาเรียกกล้ายไม่ใช่กล้วย คนรุ่นเก่าบอกว่า กล้ายบ้านใครมีหวีหนึ่งเป็น ๑๐ ลูกนี่ บ้านนั้นเจริญรุ่งเรือง หลอกกันชัด ๆ..! มีใครเคยเจอบ้าง ? อย่างเก่งก็ ๕-๖ ลูก ลองไปนึกถึงกล้วยลูกเท่าท่อนแขน แล้วหวีหนึ่งเป็น ๑๐ ลูก จะแบกกันไหวไหม ?"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2018 เมื่อ 02:21
|