"พรรษาแรกที่บวช ติดรถหลวงพ่อวัดท่าซุงมา ท่านก็เข้าบ้านพักทหารอากาศดอนเมือง ของพลอากาศโทอาทร โรจนวิภาต อาตมาไม่ได้ไปด้วย เพราะว่าลามาเยี่ยมบ้าน ก็ลงแค่ด้านหน้าหมู่บ้าน แถวนั้นมีแต่รถสองแถว สมัยนี้ไม่มีสองแถว เปลี่ยนเป็นมินิบัสแล้ว
พอรถสองแถวมาก็ขึ้น เหยียบยังไม่ทันจะเต็มตีนเลยเขาก็กระชากออก อาตมาหัวทิ่มใส่โยมผู้หญิงเต็ม ๆ ท่ามกลางความตกใจของญาติโยม มีคนสละที่ให้นั่ง พอใกล้จะถึงบ้านลุกขึ้นเพื่อที่จะกดกริ่ง เพิ่งลุกได้ครึ่งตัวโชเฟอร์กระทืบเบรกอีก หัวทิ่มใส่โยมผู้หญิงอีก แล้วเจ้ากรรมเถอะ...เป็นโยมคนเดิม อย่างกับเจตนาเลย
ตั้งแต่วันนั้นอาตมาสาบานเลย รถอื่นไม่ขึ้น ถ้าจะขึ้นก็ขึ้นรถแท็กซี่ แต่เมื่อเดือนก่อนก็มีเวรกรรมอีก โบกรถเสร็จสรรพขึ้นแท็กซี่ไป เสียงโชเฟอร์ถามว่า ไปไหนคะ ? อาตมามองอย่างไรก็ผู้ชาย เขาบอกว่า "ไม่ต้องเกรงใจค่ะ ไม่มีใครดูออกหรอกว่าเป็นผู้หญิง" ถ้าไม่ได้ยินเสียงนะ เขาเสียงเพราะมากเลย แต่หน้าตาผู้ชายชัด ๆ
ด้วยความเคยชินอาตมาก็ชอบนั่งด้านหน้า ไม่ชอบไปนั่งเต๊ะท่าอยู่ข้างหลัง พอนั่งไปเสียงถามว่า "จะไปไหนคะ ?" ตกใจ..หันไปมองกี่ทีก็ผู้ชาย เขาก็เลยเล่าให้ฟังว่า เขามีใบหน้าเป็นอาวุธ ถึงได้กล้าขับรถแท็กซี่ เอาแค่นี้แหละ พูดมากเดี๋ยวจะหาว่าไปด่ารัฐบาลอีก"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-10-2018 เมื่อ 20:35
|