เวลาที่ตั้งหน้าตั้งตาระมัดระวังในเรื่องของศีล สภาพจิตก็จะเป็นสมาธิโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว เราก็แค่พยายามเอาสติเข้าไป ตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของเราเพิ่มขึ้น ถ้าหากว่าสติไม่หลุดไปจากลมหายใจ หายใจเข้าผ่านจมูก ผ่านกึ่งกลางอก ลงไปสุดที่ท้อง หายใจออกจากท้อง ผ่านกึ่งกลางอก มาสุดที่ปลายจมูก สามารถรักษาอารมณ์นี้ได้โดยที่ไม่เคลื่อนคลายไปไหน โอกาสที่จะเข้าถึงอัปปนาสมาธิที่ละเอียดขึ้นไป ก็เป็นของที่หวังได้
ในขณะเดียวกัน ถ้าหากว่าท่านสามารถเข้าถึงได้แล้ว ก็พยายามที่จะปลดความอยากออกจากใจของเรา ก็คือเรามีหน้าที่ภาวนา ส่วนจะทรงสมาธิระดับสูงขึ้นไปได้หรือไม่เป็นเรื่องของเขา คำว่าเป็นเรื่องของเขาในที่นี้ก็คือ เราอย่าไปอยากมี อยากได้ อยากเป็น แต่ให้ตั้งหน้าตั้งตาตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของเราไป เพราะว่าถ้าเราอยากได้ฌานที่ ๒ อยากได้ฌานที่ ๓ อยากได้ฌานที่ ๔ ตัวอยากคือตัณหานั้นจะพาสภาพจิตให้ฟุ้งซ่าน ไม่สามารถที่จะเข้าถึงสมาธิระดับสูงขึ้นไปกว่านั้นได้
เมื่อเป้าหมายในด้านศีล ด้านสมาธิของเราชัดเจน และมีการทบทวนอยู่ในแต่ละวันแล้ว ก็มาดูเป้าหมายสุดท้ายคือด้านปัญญา อย่างน้อย ๆ เราต้องมีปัญญาเห็นชัดว่า ตัวเราต้องตายอย่างแน่นอน ในเมื่อรู้ตัวว่าตัวเราจะต้องตายอย่างแน่นอน ทำอย่างไรที่ตายแล้วเราจะไม่ขาดทุน นั่นก็คืออย่างน้อย ๆ เราจะต้องเข้าถึงความเป็นพระโสดาบันให้ได้ เพื่อที่จะปิดอบายภูมิทั้ง ๔ ไม่ให้ก่อทุกข์ก่อโทษแก่เราได้
การที่เราจะเข้าถึงความเป็นพระโสดาบันได้นั้น ก็ต้องเคารพในพระพุทธเจ้าจริง ๆ เคารพในพระธรรมจริง ๆ เคารพในพระสงฆ์จริง ๆ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ต้องตั้งหน้าตั้งตารักษาสิกขาบทตามสภาพของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ล่วงศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล พร้อมกับต้องมีความรู้อยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย
ความตายอยู่แค่ลมหายใจเข้าออกของเราเท่านั้น หายใจเข้าถ้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว หายใจออกถ้าไม่หายใจเข้าก็ตายอีกเช่นกัน ถ้าหากว่าตายจากชาตินี้ เราไม่พึงปรารถนาสิ่งหนึ่งสิ่งใดอีกแล้ว ขอเพียงพระนิพพานเป็นที่ไปของเราเท่านั้น หากว่าเป้าหมายของเราในด้านศีล ด้านสมาธิ ด้านปัญญาชัดเจนแบบนี้ มีการทบทวนอยู่ทุกวัน ๆ พยายามปฏิบัติขัดเกลากาย วาจา ใจของเราให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป เราก็จะมีโอกาสล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้
ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้สัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-08-2018 เมื่อ 14:07
|