ภิกษุภิกษุณีเมื่อมีปัจจัย ๔ เป็นเครื่องอาศัย ไม่ต้องเดือดร้อนด้วยการทำมาหากิน ก็ตั้งหน้าตั้งตาศึกษาและปฏิบัติในพระธรรม เมื่อปฏิบัติได้ผล รู้ว่าทางใดไปง่ายที่สุด ก็จะนำมาบอกกล่าวแก่อุบาสกอุบาสิกา ที่ยุ่งยากด้วยการทำมาหากิน มีเวลาปฏิบัติธรรมได้น้อย เมื่ออุบาสกอุบาสิการู้ทางลัด รู้ทางตรง ก็สามารถที่จะเข้าสู่มรรคเข้าสู่ผลได้เช่นกัน
ดังนั้น ในส่วนของอาคาริกะคือผู้ครองเรือน มีหน้าที่สนับสนุนฝ่ายอนาคาริกะผู้ไม่ครองเรือน ศึกษาได้แล้วนำกลับมาบอกกล่าวต่อ ก็จะอยู่ในลักษณะของการพึ่งพาอาศัยกัน แบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า พระพุทธศาสนาของเราก็จะเจริญมั่นคง
ไม่เช่นนั้นแล้ว ถึงเวลาญาติโยมฟังคำกล่าวตู่ของบุคคลผู้ไม่หวังดี พยายามที่จะทำพระพุทธศาสนาเราให้อ่อนแอที่สุด เพื่อที่ถึงเวลาแล้วศาสนาอื่นจะได้เข้ามายึดครองแทน เราก็ไม่สามารถที่จะโต้แย้งใด ๆ ได้ เพราะว่าไม่ได้ศึกษาอะไรไว้เลย ซึ่งส่วนนี้เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
การที่ญาติโยมทั้งหลายจะศึกษาก็มี ๒ วิธี
วิธีแรก อ่านพระไตรปิฎกด้วยตนเอง เรื่องนี้อาตมาปลื้มใจมากเมื่อได้ไปเนปาล ประเทศเนปาลขาดพระภิกษุสงฆ์มา ๗๐๐ กว่าปี อาศัยญาติโยมอ่านพระไตรปิฎกเองแล้วปฏิบัติตามคำสอนในพระไตรปิฎกนั้น ๆ รักษาพระพุทธศาสนามาจนถึงปัจจุบัน
จนถึงสมัยสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๑๙ คือสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระองค์ท่านถึงได้ไปบวชให้กับกุลบุตรทางด้านโน้น ฟื้นฟูพระภิกษุสงฆ์กลับคืนมา ซึ่งพระที่ท่านบวชให้รุ่นแรก ๆ คือท่านเจ้าคุณอนิลมานหรือว่าท่านเจ้าคุณพระศากยวงศ์วิสุทธิ์
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2018 เมื่อ 08:21
|