องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศน์ไว้ในปหาราทสูตร กล่าวถึงจอมอสูรที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทร ชื่อ ปหาราทสูร ทูลถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงความดีของท้องทะเลหลายข้อด้วยกัน อย่างเช่นว่า ทะเลเป็นที่รวมของแม่น้ำทุกสาย ทะเลเป็นที่รวมของแม่น้ำมากเท่าไรก็ไม่เคยล้นฝั่ง ทะเลลาดลุ่มลึกลงไปตามลำดับ มีความน่าอภิรมย์อยู่ในทุกที่ ทะเลประกอบไปด้วยหมู่มัจฉาใหญ่ ๆ น้อย ๆ จำนวนมากมายมหาศาล ทะเลมีรัตนะคือแก้วแหวนเงินทองต่าง ๆ อยู่เป็นจำนวนมาก ทะเลมีรสเดียวคือรสเค็ม เป็นต้น
องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่า พระพุทธศาสนานี้ก็เช่นเดียวกับท้องทะเล เป็นที่อาศัยของบุคคลจากทุกชั้นวรรณะเหมือนทะเลที่รองรับแม่น้ำน้อยใหญ่ทุกสาย และขณะเดียวกันก็เหมือนกับทะเลตรงที่ว่า ถึงจะรองรับบุคคลทุกชั้นวรรณะมากมายเท่าไรก็ไม่เคยเต็ม พระพุทธศาสนาประกอบไปด้วยพระอริยบุคคลที่เปรียบเหมือนอย่างกับปลาใหญ่ในท้องทะเล ไม่ว่าจะเป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ หลักธรรมในพระพุทธศาสนาลุ่มลึกลงไปตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา
พระพุทธศาสนาประกอบไปด้วยรัตนะ คือหลักธรรมคำสอนอันสำคัญ ๆ จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นอิทธิบาท ๔ สัมมัปปธาน ๔ สติปัฏฐาน ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ หรือมรรค ๘ เป็นต้น
พระพุทธศาสนามีรสเดียว ได้แก่ วิมุตติรส คือ รสชาติแห่งความหลุดพ้น เช่นเดียวกับทะเลที่มีรสเดียวคือรสเค็ม
เราจะเห็นว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น สามารถนำเอาหลักธรรมดัดแปลงเข้ากับทุกสถานที่ ทุกตัวบุคคลและทุกชั้นวรรณะ นี่คือความรู้ยิ่งเห็นจริงที่บรรดาสาวก คือ พวกเราทั้งหลายจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีเอาไว้บ้าง
พระพุทธศาสนาไม่ได้คัดค้านศาสนาใด แต่จะนำเสนอสิ่งที่ดีกว่าให้เขาเสมอ ดังนั้น...ความพิเศษของพุทธศาสนาก็คือ บุคคลที่เป็นส่วนเกิน เปรียบเสมือนขยะในท้องทะเล ไม่สามารถที่จะดำรงอยู่ได้ ไม่ช้าก็เร็วก็จะโดนคลื่น คือกระแสความดีความงามซัดขึ้นสู่ฝั่ง เปรียบเสมือนอย่างกับซากศพที่ลอยน้ำ ท้ายสุดก็ต้องโดนซัดขึ้นฝั่ง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-03-2018 เมื่อ 02:44
|