"ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ งูใหญ่ที่ถ้ำกระแซนั้นโด่งดังไปทั่วโลก กินทหารญี่ปุ่นไปไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร ส่วนใหญ่แล้วสัตว์ใหญ่ที่เอาตัวรอดมาได้นานขนาดนั้น ต้องมีความสามารถในการพรางตัว แทบจะมีญาณหยั่งรู้ว่าทำอย่างไรถึงจะปลอดภัย
ส่วนอีกประเภทหนึ่งเป็นงูที่พวกผีหรือเทวดาเขาแปลงขึ้นมา หรือไม่ก็พวกอชคราทิเปรต พวกนั้นตัวใหญ่ขนาดไหนก็ตาม ไม่ต้องไปถ่ายรูปเขาหรอก ไม่ได้อย่างแน่นอน
ที่อาตมาเองไปเจอก็ไม่รู้ว่าตัวใหญ่แค่ไหน เพราะว่าเป็นเวลากลางคืน อยู่ในถ้ำ มองอะไรก็ไม่เห็น รู้แต่ว่าตื่นขึ้นมา ๕ ทุ่มกว่า ปวดปัสสาวะก็ไปถ่ายที่หน้าถ้ำ เสร็จแล้วก็กลับเข้ามาข้างใน กะเหรี่ยงเขาทำเป็นกระต๊อบไม้ไผ่เล็ก ๆ อยู่ในถ้ำ ความกว้างก็แค่กางกลดได้ พอกางกลดแล้วก็ชนผนังซ้ายขวาพอดี ตอนกลับเข้ามาในกุฏิ ความรู้สึกบอกชัด ๆ เลยว่า "ให้ปิดประตูซะ เดี๋ยวงูใหญ่จะมา"
ด้วยความรั้น ง่วงก็ง่วง หนาวก็หนาว ไม่สนใจที่จะไปปิดหรอก พอมุดเข้ากลดได้ก็นอนภาวนาเอาจีวรตีโปงแก้หนาว ไม่กี่นาทีประตูกุฏิที่เปิดอยู่ก็มีสิ่งแปลกปลอมมุดเข้ามา อาตมานอนอยู่ เขาเองก็มาลักษณะเหมือนกับเลื้อยล้อมตัวรอบที่ ๑ รอบที่ ๒ โห...ตัวจะยาวแค่ไหน ? อาตมาเองก็เกือบ ๑๘๐ เซ็นติเมตรเหมือนกัน รอบหนึ่งก็ ๓ เมตรกว่าแล้วนะ”
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-02-2018 เมื่อ 17:54
|