"สวดธรรมนิยามแล้วพอรุ่งขึ้นก็สวดพุทธมนต์ ถ้าเป็นชาวบ้านเขาเรียกฉลองอัฐิ ถ้าเป็นของพิธีหลวงเขาเรียกพิธีสามหาบ พิธีสามหาบอะไร ? หาบทอง หาบนาก หาบเงินใช่ไหม ?
พิธีกรรมเกี่ยวเนื่องด้วยเรื่องงานอวมงคล คือ ผู้ตาย ผู้วายชนม์ เขาพยายามหาคำที่เป็นมงคลมาใช้แทน กลายเป็นพิธีสามหาบ ชาวบ้านเขาเรียกพิธีเก็บกระดูก หมดเรื่องหมดราว
โดนอยู่ ๒ วัน ก่อนหน้านั้นช่วงจัดงานที่เหนื่อยที่สุดก็คือเจ้าคณะอำเภอ อาตมาเองก็ติดงานยาวเลย พี่ชายตาย ติดงานพิธีถวายพระเพลิง ต่อมาน้าสะใภ้ตาย จนกระทั่งหลวงพ่อพระครูใบฎีกาจำนง สัทธิโก เจ้าอาวาสวัดตลุงใต้มรณภาพ ท่านเป็นพ่อของท่านเจ้าคุณพระวิสุทธิพงษ์เมธี มรณภาพจัดงานศพอยู่ ๑๕ วัน ปลีกตัวไปไม่ได้เลย ไปได้วันเผา ก็ยังดีได้ไปเผาให้หน่อย แล้วช่วงที่จัดงานศพอยู่ก็ฝากเงินให้พระท่านไปเป็นเจ้าภาพสวดศพแทน
บางทีพรรคพวกเพื่อนฝูงแม้ว่าจะสำคัญ แต่คราวนี้งานพิธีหลวงก็ถือว่าสำคัญที่สุด โดยเฉพาะงานพิธีเดียวกันกับของในหลวงนี่ห้ามประชาชนจัดงานทับ อย่างเช่นว่า ถ้าเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษานี่ห้ามสวดศพ ถือว่าไม่เป็นมงคล ถ้าเป็นอาตมานี่ให้สวดเลย เพราะถือว่าเป็นมงคลใหญ่ เป็นการสวดพระอภิธรรม
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์เป็นหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าเทศน์แล้วมีผู้บรรลุมรรคผลมากที่สุด ต้องบอกว่าพรหมเทวดา ๘๐ โกฏิ บรรลุมรรคผลเมื่อฟังพร้อมกับพระพุทธมารดา โบราณก็เลยใช้บทนี้ในการสวดขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน งานมงคลต่าง ๆ ใช้หมด มาถึงสมัยในหลวงรัชกาลที่ ๕ เขาเอามาสวดในงานของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-12-2017 เมื่อ 19:45
|