พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงมนุษย์เราเป็นสัตว์ที่กินทั้งพืชและเนื้อ แบบเดียวกับพวกลิงพวกค่างเป็นสัตว์ครึ่งกินพืช ครึ่งกินเนื้อ คราวนี้ถ้ากินอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียวจะขาดสารอาหาร ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสถึงมัชฌิมาปฏิปทา ไม่ทรงอนุญาตตามคำขอของพระเทวทัตที่ขอให้ภิกษุฉันมังสวิรัติอย่างเดียวก็เพราะเหตุนี้
พระองค์ท่านเป็นสัพพัญญู รู้จริงว่าถ้าขาดสารอาหารแล้วจะมีโทษมากกว่า แต่ในยุคนั้นทางด้านศาสนาฮินดู โดยเฉพาะศาสนาเชน เขาถือการไม่เบียดเบียนผู้อื่นอย่างเคร่งครัด ก็เลยกินแต่ผัก กินแต่ถั่วงา ซึ่งความจริงเขาก็ทำถูก เพราะว่าพวกถั่วมีสารโปรตีนอยู่ เพียงแต่ว่าบุคคลทั่วไปที่กินอาหารที่มีเนื้อก็มีมาก ถ้าพระของเราประกาศว่าฉันเจอย่างเดียว ครอบครัวที่ยังกินเนื้อสัตว์อยู่ ก็จะลำบากในการหาอาหารอีกส่วนหนึ่งเพื่อมาถวายพระ
พระพุทธเจ้าไม่อยากรบกวนชาวบ้านมากเกินไป จึงประกาศว่าใครอยากจะฉันมังสวิรัติก็ให้ฉันมังสวิรัติ ใครจะฉันอาหารที่เป็นเนื้อเป็นปลา ถ้าเว้นจากการเห็นว่าเขาฆ่าเพื่อเรา รู้ว่าเขาฆ่าเพื่อเรา รังเกียจว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ก็สามารถที่จะฉันได้ แต่ถ้ารู้ว่าเขาฆ่าเพื่อเรา เห็นว่าเขาฆ่าเพื่อเรา รังเกียจว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ยังฉันก็จะโดนปรับโทษ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2017 เมื่อ 02:59
|