"นักปฏิบัติควรที่จะดำรงตนอยู่ด้วยความไม่ประมาทเสมอ อย่างที่พระท่านถามพระสารีบุตรว่า ถ้าเป็นพระโสดาบันจะต้องทำอย่างไร ? ท่านบอกว่า ให้พิจารณาให้เห็นชัดว่า ขันธ์ ๕ คือร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา แล้วถ้าเป็นสกทาคามีทำอย่างไร ? ท่านบอกว่าก็พิจารณาขันธ์ ๕ นี่แหละ ให้ละเอียดยิ่งขึ้น แล้วถ้าเป็นพระอนาคามีทำอย่างไร ? ก็พิจารณาขันธ์ ๕ นี่แหละ ให้ละเอียดยิ่งขึ้นไปอีก แล้วถ้าเป็นพระอรหันต์ละ ? “ก็พิจารณาขันธ์ ๕ นี่แหละ จนกระทั่งเห็นชัดว่าไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา จิตเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ปล่อยวางได้ ก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่ในตน”
แล้วเมื่อเป็นพระอรหันต์แล้วก็เลิกพิจารณาได้ใช่ไหม ? พระสารีบุตรตอบว่าไม่ใช่ เป็นพระอรหันต์แล้วก็ยังต้องพิจารณาอยู่เสมอเพื่อความอยู่สุขของตน ที่ต้องพิจารณาอยู่เสมอก็เพื่อความไม่ประมาท ถ้าไปคิดว่าเราดีแล้ว เราได้แล้ว ถ้ายังไม่ดีจริง ไม่ได้จริง สภาพจะน่าเวทนาสงสารมาก พอ ๆ กับคนขึ้นไปต่อยมวย ๕ ยกแล้วโดนยำเละเทะขนาดไหนก็คือพวกเราตอนนั้นแหละ แต่ละคนมีประสบการณ์มาแล้วทั้งนั้นว่าเวลากิเลสตีกลับมานี่แย่กว่าหมาตั้งเยอะ...!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-11-2017 เมื่อ 20:01
|