"ส่วนที่เหลืออีกที่มีสาขามากที่สุดในประเทศ คือ สายพองยุบ อย่างที่อาตมาบอก เขาว่าการปฏิบัติยิ่งช้ายิ่งดี อาตมายืนยันว่าออกทะเลแน่นอน หาฝั่งไม่เจอด้วย
การปฏิบัติ สติ สมาธิ ปัญญา มีแต่จะแหลมคมว่องไวมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ การกระทำทุกอย่างจะเป็นไปโดยความคล่องตัวคือเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เป็นความเร็วแบบผิดพลาดได้ยาก โดยเฉพาะสายนั้นพอถึงเวลาอารมณ์ใจเกิดขึ้นก็ให้ภาวนาว่า "คิดหนอ...คิดหนอ" เพื่อตัดอารมณ์ฟุ้งซ่านอื่นออกไปจนหมด ในเมื่อคุณคิดพิจารณาไม่ได้ แล้วจะไปบรรลุธรรมได้อย่างไร ?
เขาบอกว่าให้ใช้หลักการปฏิบัติแค่ขณิกสมาธิหรืออุปจารสมาธิก็เพียงพอแล้ว ให้เราเผชิญหน้ากับอารมณ์ใจที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง กำหนดดู กำหนดรู้อยู่ตลอดเวลา ถึงจะเรียกว่าวิปัสสนา คือการเห็นแจ้ง เปรียบเหมือนเราค่อย ๆ เก็บงาทีละเมล็ด นานไปก็มีงามากพอที่จะคั้นเอาน้ำมันมาใช้งานได้ อาตมาถามว่า ก็เรามีงาเป็นเกวียนแล้วทำไมต้องไปเก็บทีละเมล็ดด้วย ?
เขาบอกว่า ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ต้องสม่ำเสมอกันจึงจะบรรลุมรรคผล...ถูกต้อง เพราะฉะนั้น...เราต้องลดทุกอย่างลงไปให้เสมอกันถึงจะบรรลุมรรคผลได้...ตรงนี้ผิดแน่ ๆ ก็อาตมามีงาเป็นเกวียนแล้วให้ไปเก็บทีละเมล็ดแบบเขา อาตมาไม่ทำหรอก โง่ตายห่..!
ทำไมเราไม่เพิ่ม ศรัทธา วิริยะ สติ และปัญญา ขึ้นมาให้เท่ากับสมาธิ ? ใครที่ปฏิบัติสายพองยุบมาจะรู้เลยว่า ตัวเองต้องทุกข์ทรมานขนาดไหน เพราะว่ากิเลสตีปางตายอยู่ตลอดเวลา เหมือนบังคับให้เราถอดเกราะวางอาวุธ แล้วขึ้นไปต่อยมือเปล่ากับไมค์ ไทสัน ก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น ทำไมเราไม่ใส่เกราะแล้วลากเอ็ม ๑๖ ขึ้นไปกราดยิงให้กลิ้งคาเวทีไปเลย อาวุธเรามีทำไมต้องไปวางด้วย ?"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-11-2017 เมื่อ 17:09
|