พระอาจารย์กล่าวว่า "รู้ว่าอายุมากต้องไม่ประมาท เพราะถ้านับแล้ว ชีวิตเราอยู่ในขาลง ถ้าตีว่าคนเราปัจจุบันนี้ชีวิตอยู่ที่ ๗๕ ปีเป็นประมาณ เกิน ๓๗ ปีครึ่งไป ถือว่าเริ่มเป็นขาลงแล้ว
ในเมื่อเริ่มเป็นขาลง ใครที่เกิน ๓๗ - ๓๘ ปีไป ยิ่งมากเท่าไรก็ยิ่งลงมากเท่านั้น ตีเสียว่าแก้ทางอยู่ ๓๗ ปี แต่ถ้าไปไม่ถึงปลายทาง แหกโค้งลงเหวไปก่อน ก็ได้น้อยกว่านั้น ฉะนั้น...จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสั่งสมบุญกุศล
คราวนี้การสั่งสมบุญกุศลมีเป็น ๑๐ วิธี วิธีเดียว คือ การให้ทานที่เราต้องใช้ทรัพย์สินสิ่งของ การรักษาศีล ที่มีอานิสงส์สูงกว่าทาน ไม่ต้องใช้อะไร นอกจากรักษากาย วาจา ใจของเรา
การนั่งสมาธิภาวนาอานิสงส์สูงกว่าศีลอีก ก็แค่นั่งควบคุมความคิดของเราให้อยู่กับลมหายใจเข้าออก ไม่ไป รัก โลภ โกรธ หลง ถ้าสามารถคุมความคิดได้ คือคุมกำลังใจได้ คุมกำลังใจได้ก็เท่ากับคุมกายและวาจาได้ ในเมื่อกายไม่ทำชั่ว วาจาไม่พูดชั่ว ใจไม่คิดชั่ว กรรมใหม่ไม่มี เมื่อกรรมใหม่ไม่มี กรรมเก่าเหมือนกับหนี้ เราไม่สร้างหนี้ใหม่เสียอย่าง ของเก่าค่อย ๆ ผ่อนใช้ไปเดี๋ยวก็หมด
เพราะฉะนั้น...บุคคลที่จะหลุดพ้นได้ ไม่ได้แปลว่าต้องบริสุทธิ์โดยสิ้นเชิงมาตั้งแต่เกิด หากแต่ว่าเรามารักษากำลังใจของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ในปัจจุบันนี้ และพยายามประคับประคองให้ยาวนานไปจนถึงอนาคตให้ได้"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-10-2017 เมื่อ 03:43
|