ประวัติและคำสอนของหลวงปู่สิม (หน้า ๙)
หลวงปู่ยังได้เดินทางไป ๆ มา ๆ ระหว่างเชียงใหม่กับทางภาคอีสานอีกหลายครั้ง
เนื่องจากโยมมารดาถึงแก่กรรมและดูแลการสร้างวัด
จนกระทั่งวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๒ ท่านได้รับสมณศักดิ์ พระครูสันติวรญาน
ขณะอยู่ที่วัดสันติธรรม นำความปลาบปลื้มยินดีแก่บรรดาศิษยานุศิษย์โดยทั่วกัน
ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ ได้มีพระลูกศิษย์ของท่านไปพบถ้ำปากเปียง
ซึ่งอยู่ ตำบลบ้านถ้ำ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
เป็นที่สงบ สงัด ร่มรื่น และมีน้ำอุดมสมบูรณ์
หลวงปู่ท่านได้เดินทางมาสำรวจและเข้าปฏิบัติธรรมหลายครั้ง แต่ยังไม่ถูกใจ
ท่านอยากได้ถ้ำที่กว้างและอยู่สูงสักหน่อย กิเลสจะได้เข้าหายาก
ลุงติ๊บ คนบ้านถ้ำเป็นผู้พบถ้ำผาปล่อง แกเล่าว่า
ผมขึ้นมาตัดไม้จึงได้มาเจอถ้ำ มีแต่เถาวัลย์ปกคลุมรุงรังไปหมด
ข้างในถ้ำมีแต่ขี้เลียงผา เหม็นอับแล้วก็ชื้นมาก
พอเห็นถ้ำท่านก็ชอบใจมาก ตกลงพักในถ้ำคืนนั้นเลย
ปัจจุบันนี้ สะดวกสบายมาก สมัยก่อนหลวงปู่พร้อมด้วยศิษย์ผู้บุกเบิก
ท่านนอนกลางดินกินกลางทราย แถมดมขี้เลียงผามานักต่อนัก
หลวงปู่เล่าว่า ตอนมาใหม่ ๆ ได้เจอครกหินอันหนึ่งกับสากสองอัน แสดงว่า
คนสมัยก่อนที่อยู่ถ้ำปล่อง เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยตำรากไม้ใบไม้กินเป็นยา
แต่ตอนตายครกหินมันหนัก เอาไปด้วยบ่ได้
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน
ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว...
กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน
อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑
|