พระอาจารย์เล่าว่า "ก่อนอาตมาบวชสองปี วันนั้นปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้านสายลม พอกรรมฐานภาคค่ำเสร็จ หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกว่า "พระเสด็จมาบอกว่า ทั้งหมดที่ปฏิบัติธรรมอยู่ในวันนี้ ถ้าตั้งใจรักษาศีลแปด จะทำได้เลย ๗๐ คน" อาตมาได้ยินไม่รู้หรอกว่ามีกี่ร้อยกี่พันคน รู้แต่ว่าข้าคือ ๑ ในนั้น นี่เป็นความคิดตอนนั้น
ทันทีที่คิดแบบนั้นก็เหมือนกับคอหอยตันไปเลย ไม่นึกอยากกินอะไร การทดสอบกำลังใจก็มา พอเลิกงานแล้ว น้าโชค (คุณประสพโชค ปัจฉิมางกูร) ที่รู้จักสนิทสนมกัน บอกว่าวันนี้น้าไปส่ง แกก็ขับรถพาไป เพราะไปทางเดียวกัน อาตมาอยู่แถวสวนหลวง น้าโชคอยู่เลยไปหน่อยหนึ่ง
พอมาถึงแยกคลองตัน น้าโชคเลี้ยวเข้าร้านหม้อไฟ "เล็ก..น้าเลี้ยง" ยังเหลืออีกประมาณ ๒ กิโลเมตรกว่าก็จะถึงบ้าน บอก "เชิญคุณน้ากับน้อง ๆ กินตามสบายนะครับ ขอบคุณมากที่มาส่ง ผมไปแล้ว" ตั้งใจจะไม่กิน แล้วก็เดินกลับบ้านไปเลย
วันรุ่งขึ้นไม่ได้รู้สึกหิวนะ แต่อุปาทานว่าเราไม่ได้กินอาหารเย็นแล้ว ก็เลยกินเผื่อตอนเพลไป ๑ จาน จากที่เคยกิน ๑ จาน ก็กินเสีย ๒ จาน เสร็จแล้วก็มานึกว่า เอ็งบ้าหรือเปล่าวะ ? ไม่ได้นึกอยากแล้วไปกินเพิ่มทำไม ? ท้ายสุดวันต่อมาก็เลยไม่ได้กินเพิ่มอะไร หลังจากนั้นมาก็เลิกโดยเด็ดขาดและสิ้นเชิง
แต่มีปัญหาตรงที่บรรดาน้อง ๆ มีจำนวนมาก พอเวลาเย็นก็ไปร้านอาหาร ต้องไปเลี้ยงเขา เพราะเป็นพี่ใหญ่ของกลุ่ม สรุปว่าไปนั่งดูเขากินและต้องควักเงินจ่ายให้ด้วย เพราะฉะนั้น...เรื่องที่จะมาหลอกให้อาตมาตบะแตกเพราะอาหารนี่ไม่สำเร็จหรอก ตั้งแต่ก่อนบวชสองปีก็ลาขาดกันไปแล้ว พอถึงเวลาเขาไม่หิวเอง ไม่รู้ว่าจะไปบังคับอย่างไร อาจจะเป็นเพราะไม่ได้กินนานเกินไป ร่างกายเลยไม่ได้ผลิตน้ำย่อยช่วงนั้น"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-06-2017 เมื่อ 20:08
|