มีโยมมากราบรายงานความคืบหน้า เรื่องการขอพระราชทานวิสุงคามสีมาวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ปรากฏว่ามีส่วนที่ยังติดขัดอยู่
"ทุกวันนี้งานการศาสนาของเราไปได้ยาก ก็เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วพระไปเกรงใจญาติโยม โดยเฉพาะนักการเมือง พอนักการเมืองวิ่งไปหาขอให้ช่วย แทนที่จะเข้าข้างพระด้วยกัน กลับไปเข้าข้างฆราวาส ทั้ง ๆ ที่พระไม่ผิด
ทางทองผาภูมิ ถ้าโยมฟ้องพระเมื่อไร อาตมาจะคิดว่าพระเป็นฝ่ายถูก เพราะว่าพระมีศีลเยอะกว่า แต่ถ้าสอบสวนแล้วหลักฐานบ่งชี้ไปทางด้านไหน ก็ค่อยว่ากันไปตามนั้น ถ้าทำในลักษณะอย่างนี้จึงจะตรงไปตรงมา แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วไม่ใช่ ไปเกรงใจกัน คนโน้นเป็นนายกเทศมนตรี คนนี้เป็นนายก อบต. คนนั้นเป็นกำนัน คนนี้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ถ้าไม่เอาใจไว้ เดี๋ยวเขาจะไม่ให้ญาติโยมเข้าวัด
เท่าที่อาตมาสังเกตมา แต่ละคนที่มีเรื่อง มีปัญหากับวัด ส่วนใหญ่ไม่เคยเข้าวัดหรอก คนเข้าวัดไม่เคยมีปัญหากับพระ
นักการเมืองท้องถิ่นที่ฉลาดต้องพยายามเกาะวัดเอาไว้ เพื่อให้ญาติโยมที่สนับสนุนวัดเป็นฐานเสียงของตัวเอง แต่เท่าที่พบเห็นในปัจจุบัน พวกนักการเมืองหรือผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น มักจะครอบงำวัด เอาวัดเป็นแหล่งผลประโยชน์ของตนเอง
หลายที่กำนันผู้ใหญ่บ้านจะตั้งตัวเป็นกรรมการวัด โดยที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าอาวาส พอถึงเวลามีกฐินมีผ้าป่าก็เก็บเงินไว้เอง อ้างเสียสวยหรูว่าเก็บรักษาเอาไว้ให้วัด ถ้าหลวงพ่อต้องการเมื่อไรก็มาเบิกได้ แต่ไม่เคยเบิกได้ ไม่รู้ว่าจะเอาไปเก็บไว้ทำอะไร ? กว่าจะรู้อีกทีก็ใช้หมดเกลี้ยงไปแล้ว"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 17:51
|