ถาม : ผมสงสัยบัว ๔ เหล่าที่พระพุทธเจ้าท่านแยกไว้ ประเภทที่ ๔ ปทปรมะที่มากไปด้วยบทบาท คือ ไม่ยอมรับฟังความเห็นคนอื่น แปลว่าสังโยชน์ข้อมานะทิฐิท่านมีมากใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : โปรดเข้าใจเสียใหม่ พระพุทธเจ้าเทศน์ถึงบุคคลสี่จำพวกและบัวสามเหล่า แต่กลับมีคนรู้ดีและเอาไปยำรวมกัน จนกลายเป็นบัวสี่เหล่า
บุคคลสี่จำพวก คือ อุคฆติตัญญู เป็นผู้ที่ฟังข้อธรรมก็สามารถบรรลุมรรคผลได้เลย
วิปจิตตัญญู ฟังหัวข้อธรรมและได้รับการขยายความเล็กน้อย ก็สามารถเข้าถึงมรรคผลได้
เนยยะ เป็นผู้ที่ต้องปากเปียกปากแฉะ จ้ำจี้จ้ำไชอยู่เสมอ
ปทปรมะ เป็นบุคคลที่ไม่ยอมรับความคิดของคนอื่น ก็เลยไม่ได้ผลอะไร
คราวนี้ในเรื่องของบัว ท่านเปรียบไว้บัวสามเหล่า คือ บัวพ้นน้ำ กระทบแสงแดดก็บานเลย
ประเภทที่สอง บัวปริ่มน้ำ พร้อมที่จะโผล่พ้นขึ้นมาบานในวันรุ่งขึ้น
ประเภทที่สาม บัวใต้น้ำ รอที่จะโผล่ขึ้นมาในวันต่อ ๆ ไป
ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเอาไปรวมกันเป็นบัวสี่เหล่า แต่ในพระไตรปิฎกมีแค่บัวสามเหล่า และบุคคลสี่เหล่า
ในส่วนของปทปรมะนั้นไม่ใช่แต่มากด้วยทิฏฐิมานะเฉย ๆ สักกายทิฏฐิยังเต็ม ๆ อีกด้วย ก็เลยทำให้ไม่ยอมรับคนอื่น คิดอยู่แต่ว่ากูดี กูแน่แล้ว
ถาม : แล้วบุคคลประเภทปทปรมะ ถ้าเขาต้องการเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า ท่านเหล่านี้ต้องโดนทำให้หมดมานะทิฏฐิก่อนหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เป็นไปไม่ได้ ถ้าเป็นปทปรมะจริง ๆ ต้องรออีกหลายชาติ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2019 เมื่อ 14:55
|