พระอาจารย์กล่าวว่า "เมรุวัดท่าขนุนหลังนี้กิจการดีมาก ทันทีที่ตั้งโครงกับเตาเผาเสร็จ ศพก็เข้าแล้ว เผาแล้วเผาอีก ปรากฏว่าญาติโยมที่ไปงานศพวัดอื่น พอเห็นเมรุก็สั่งลูกหลานไว้เลยว่า ถ้าตายให้เอามาเผาที่วัดท่าขนุน บอกเขาไปแล้วว่าเผาฟรีไม่คิดอะไร ถ้าเกรงใจวัดก็ซื้อน้ำมันดีเซลมา ๖๐ ลิตร ๒ ชั่วโมงครึ่งเก็บกระดูกได้ เพราะว่าเผาเสร็จแล้วมีการเป่าให้เย็นด้วย ไม่ต้องรอกันข้ามวันข้ามคืน ไปเก็บกระดูกวันรุ่งขึ้นเหมือนกับที่อื่น
ที่สร้างเมรุขึ้นมาเกิดจากแนวคิดที่ว่า ทองผาภูมิของเราแขกผู้ใหญ่ขึ้นไปเยอะมากเลย พวกรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี ส.ส. ส.จ. นายพล นายพัน เต็มไปหมดเวลาไปงาน ประกาศเชิญขึ้นไปทอดผ้า แต่ว่าเมรุแต่ละหลังโทรมจนดูไม่ได้เลย ไม่สมเกียรติของคนตาย
ในเมื่อไม่มีใครทำ อาตมาก็ทำเสียเอง แต่ทุกวันนี้เขาหาเมรุกันไม่เจอ คิดว่าเป็นพระเจดีย์ ขนาดมีประตูเมรุอยู่ เขายังคิดว่าเป็นประตูเข้าพระเจดีย์ บอกด้วยความภูมิใจว่า เมรุหลังนี้อาตมาออกแบบเอง เสียดายว่าไม่ใช่วิศวกร แล้วก็ไม่ได้จบสถาปนิกแบบไทยมา เลยออกแบบเป็นทรงแข็ง ๆ ไปหน่อย"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2017 เมื่อ 17:00
|