เขมะเขมะสะระณะคะมะนะปะริทีปิกาคาถา
(นำ) หันทะ มะยัง เขมาเขมะสะระณะคะมะนะปะริทีปิกาคาถาโย ภะณามะ เส ฯ
.....................................พะหุง เว สะระณัง ยันติ..............ปัพพะตานิ วะนานิ จะ
.....................................อารามะรุกขะเจต๎ยานิ.................มะนุสสา ภะยะตัชชิตา
มนุษย์ทั้งหลายจำนวนมาก เมื่อถูกภัยคุกคาม ก็พากันยึดเอาภูเขาและป่าไม้เป็นที่พึ่งบ้าง ยึดเอาสวน ต้นไม้และเจดีย์เป็นที่พึ่งบ้าง
.....................................เนตัง โข สะระณัง เขมัง..............เนตัง สะระณะมุตตะมัง
การหาที่พึ่งเช่นนั้น ไม่ใช่ที่พึ่งอันพ้นจากภัย สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ที่พึ่งสูงสุด
.....................................เนตัง สะระณะมาคัมมะ...............สัพพะทุกขา ปะมุจจะติ
การอาศัยที่พึ่งเช่นนั้น ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ทั้งปวง
.....................................โย จะ พุทธัญจะ ธัมมัญจะ...........สังฆัญจะ สะระณัง คะโต
ส่วนผู้ใดยึดเอาพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง
.....................................จัตตาริ อาริยะสัจจานิ................สัมมัปปัญญายะ ปัสสะติ
.....................................ทุกขัง ทุกขะสะมุปปาทัง.............ทุกขัสสะ จะ อะติกกะมัง
.....................................อะริยัญจัฏฐังคิกัง มัคคัง.............ทุกขูปะสะมะคามินัง
ผู้นั้นย่อมเห็นอริยสัจ คือความประเสริฐ ๔ อย่าง ด้วยปัญญาอันชอบ
คือ เห็นทุกข์ เห็นเหตุให้เกิดทุกข์ เห็นความข้ามพ้นจากทุกข์ และเห็นหนทางอันประเสริฐ ๘ ประการ
อันเป็นข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์
.....................................เอตัง โข สะระณัง เขมัง..............เอตัง สะระณะมุตตะมัง
การยึดเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งนั้น ย่อมเป็นที่พึ่งอันพ้นจากภัยทั้งปวง พระรัตนตรัยนั้นเป็นที่พึ่งอันสูงสุด
.....................................เอตัง สะระณะมาคัมมะ...............สัพพะทุกขา ปะมุจจะตีติ
.การอาศัยพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งนั้น ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้แล