ถาม : ถ้าเราไม่ได้สมาทานศีล เราไม่ได้ตั้งใจรักษาศีล แต่บังเอิญที่นอนที่บ้านก็ไม่หนา ข้าวก็กินครู่เดียว ทีวีเสียไม่ได้ดูอะไรแบบนี้ ?
ตอบ : กุศลไม่มี
ถาม : คะ..? ผลไม่มี ?
ตอบ : ขาดเจตนา คือ ตัวตั้งใจ ในเมื่อไม่ได้ตั้งใจที่จะละ ผลบุญก็ไม่มี
ถาม : ถึงแม้จะตรงตามนั้นก็ตาม ?
ตอบ : ในบาลีก็บอกชัดแล้ว เจตนาหัง ภิกขเว ปุญญังวทามิ ต้องเจตนาคือตั้งใจ ถึงจะเป็นบุญ
ถาม : ถ้าตั้งใจละ แต่ปวดท้องเพราะหิว ?
ตอบ : แล้วสิ่งที่ท่านอนุญาตให้กินได้ ให้ฉันได้ก็เยอะแยะไป เพียงแต่ว่าเราคิดที่จะกินข้าวท่าเดียว
ถาม : แล้วอย่างบางคนไม่กินข้าวแต่กินนมเยอะ ๆ ?
ตอบ : ท่านให้รู้จักประมาณในการกิน มีอยู่คนหนึ่ง รู้สึกว่าจะเป็นลูกศิษย์อาจารย์โอ๋ ? (อาจารย์บุปผชาติ พงษ์ประดิษฐ์) เจ้านั่นรักษาศีลแปด กำหนดเอาว่า เวลากินข้าวมื้อสุดท้ายคือบ่ายสอง ตั้งแต่เช้าถึงบ่ายสองเขาฟาดไปสิบกว่าหน ถ้าอย่างนั้นคุณรักษาศีลห้าดีกว่า ไม่เปลืองมาก ท่านให้มี โภชเนมัตตัญญุตา คือรู้จักประมาณในการกินด้วย
ตัวโทษของการกินอาหารเย็น จะลำบากอยู่อย่างหนึ่ง คือว่าพอถึงเวลาแล้ว เลือดทั้งหมดจะวิ่งลงไปที่กระเพาะ เพื่อไปย่อยอาหาร โบราณท่านให้ใช้คำว่าไฟธาตุ พร้อมที่จะสันดาปเพื่อเผาผลาญอาหาร
ตอนที่เลือดวิ่งลงไปที่กระเพาะ สมองจะมึนเพราะเลือดเลี้ยงอยู่น้อย จะหลับท่าเดียว ทำให้การภาวนาทุกอย่างไม่ได้อย่างที่เราต้องการ เพราะว่าร่างกายอยู่ในสภาพที่หนักไปด้วยอาหาร ในเมื่อหนักไปด้วยอาหาร การภาวนาก็ไม่คล่องตัว เลือดลมไม่ปลอดโปร่ง จะทำให้เสียผลตรงนี้ แต่ว่าคนทั่ว ๆ ไปถ้าหากว่าไม่สามารถที่จะงดเว้นได้จริง ๆ ตั้งใจรักษาศีลห้าก็ไปพระนิพพานได้
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-11-2016 เมื่อ 13:31
|