"ทุ่มครึ่งเข้าห้องเรียน เรียนภาคทฤษฎี สามทุ่มเลิกเรียน เป่านกหวีด มีเวลา ๑๕ นาทีขัดเครื่องหมาย ขัดรองเท้าทุกอย่างให้เงาวับ ๓ ทุ่ม ๑๕ นาทีเป่านกหวีดนอน ๔ ทุ่มเป่านกหวีดตื่น ไปฝึกยุทธวิธีการรบเวลากลางคืน แล้วแต่ว่าครูฝึกจะเมตตา เลิกตีสองบ้างตีสามบ้าง ตีห้าตื่นใหม่
ฉะนั้น...ใครคิดว่าไม่หนักก็ลองดู อาตมาพูดก็เพราะว่าพอมาฝึกปฏิบัติธรรมแล้วรู้สึกว่าง่ายมาก เพราะว่าก่อนหน้านี้ก็ฝึกหนักแบบที่เล่ามานั่นแหละ เพียงแต่เปลี่ยนจากการฝึกทางกายมาเป็นการฝึกทางใจเท่านั้น ญาติโยมลองเอากำหนดเวลาที่อาตมาพูดนี่ ไปลองฝึกตัวเองดูว่าจะออกมาเป็นอย่างไร
รู้แต่ว่าอาทิตย์แรกไม่ได้เข้าส้วมเลย ของทุกอย่างที่กินลงไปย่อยเกลี้ยงไม่มีอะไรเหลือ แต่ละวันเหงื่อไหลเป็นปีบ กินน้ำลงไปแทบจะไม่มีโอกาสออกมาเป็นปัสสาวะเลย เพราะฉะนั้น...อาหารที่ชอบที่สุดก็คือปลาเค็ม ถ้าวันไหนมีปลาเค็มนี่กินกันลืมตายเลย เพราะว่าร่างกายขาดเกลือมาก
ส่วนขนมมีให้อาทิตย์ละ ๑ ครั้งเฉพาะวันพุธ แล้วไม่ได้กินหรอก เพราะส่วนใหญ่วันพุธ จ.ส.อ.วิทยา นุชแผน ครูฝึกที่โหดที่สุดจะเป็นคนคุม แกตั้งใจมาเล่นพวกเราโดยเฉพาะ ส่วนมากให้เวลากินแค่ ๑ นาที พวกเราก็เลยจ้วงขนมกันก่อน ข้าวช่างหัวมันเถอะ วันหลังค่อยว่ากัน ที่ขำที่สุดคือหมู่โสภณ แกอ้วนแล้วทำไมวิ่งได้อึดขนาดนั้น ที่อัศจรรย์คือวิ่งขนาดนั้นแต่ไม่ผอม กล้ามเนื้อแข็งเป็นหินเลย แสดงว่าถ้าเลิกวิ่งเมื่อไรจะใหญ่กว่านั้นอย่างน้อย ๓ เท่า..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-01-2017 เมื่อ 20:33
|