ดูแบบคำตอบเดียว
  #77  
เก่า 10-09-2016, 16:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,536 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ก่อนหน้านี้ตอนที่หลวงปู่ครูบาไชยวงศ์เอาประคำมาถวายหลวงพ่อวัดท่าซุงครั้งแรก ประมาณปี ๒๕๑๘ หลวงพ่อท่านเสกเสร็จแล้วก็วางจำหน่าย พวกเรากราบเรียนถามว่า “หลวงพ่อครับ ตั้งราคาประคำเท่าไรดีครับ ? ” “ตอนพวกเอ็งซื้อเขา ซื้อมาเท่าไร ?” “แปดสิบบาทครับ” ท่านบอก “เออ...นั่นแหละ เอาราคานั้น” จัดเป็นวัตถุมงคลที่ราคาแพงที่สุดในยุคนั้น เพราะวัตถุมงคลของหลวงพ่อวัดท่าซุงราคา ๑๐ บาท ๒๐ บาทยืนพื้น ท่านบอกว่าก็ในเมื่อกะเหรี่ยงเขายอมขายราคานี้ ก็เอาราคานี้ ก็เลยเรียกว่าประคำราคากะเหรี่ยงตั้ง

ด้วยความที่บรรดากะเหรี่ยงเขาเคารพเชื่อฟังครูบาไชยวงศ์ ถึงลำบากก็อดทนสู้ แห้งแล้งขนาดไหนก็สู้ หางานทำไปเรื่อย ในที่สุดก็ค่อย ๆ เจริญขึ้นมา กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีผ้าทอมือ มีย่ามทอมือ เหมือนกับสินค้า OTOP สมัยนี้ ก็ทำให้หมู่บ้านเจริญขึ้นมา

ในบริเวณวัดนั้นเจ้าที่วัดเขาขอกับหลวงปู่ไว้ว่า ขอให้ทุกคนอย่านำเนื้อสัตว์เข้ามา ในระยะรัศมี ๒ กิโลเมตรห้ามนำเนื้อสัตว์เข้าไป คราวนี้พระวัดท่าซุงรุ่นยุคเก่า ๆ เวลาไปฝึกกรรมฐานกับหลวงปู่ ก็ไปเจอ "อาหารเจกะเหรี่ยง" แบบหลวงปู่ ก็คือไม่ใช่อาหารมังสวิรัติแบบกรุงเทพฯ อย่างที่พวกเรารู้จัก แต่เป็นผักเป็นหญ้าจริง ๆ ประเภทกินกันเป็นวัวเป็นควายเลย ท่านทนไม่ไหว โน่น... เดินออกไปจนพ้นเขต ๒ กิโลเมตร เอาสตางค์ไปฝากชาวบ้านไว้ บอกว่าช่วยหาหมูแดดเดียวทอดให้หน่อย พรุ่งนี้จะมาบิณฑบาต นี่คือพระวัดท่าซุงสมัยนั้น สรุปก็คือต้องฉันให้เสร็จแล้วค่อยกลับเข้าวัดไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-09-2016 เมื่อ 16:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา