พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยก่อนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ลูกศิษย์ของท่านแบ่งออกเป็น ๓ ประเภท
ประเภทที่ ๑ เป็นลูกศิษย์รุ่นใหญ่
ประเภทที่ ๒ เป็นลูกศิษย์รุ่นกลาง
ประเภทที่ ๓ เป็นลูกศิษย์รุ่นจิ๋ว
ท่านบอกว่า ลูกศิษย์รุ่นใหญ่ของท่าน ต้องตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติเพื่อความเป็นพระโสดาบันขึ้นไปเป็นอย่างน้อย ลูกศิษย์รุ่นกลาง อย่างน้อยต้องทำมโนมยิทธิหรือทรงฌานสมาบัติได้ ส่วนลูกศิษย์รุ่นจิ๋ว อย่างน้อยต้องรักษาศีล ๕ ได้
อาตมาเองก็อยากจะแบ่งลูกศิษย์ตัวเองเป็น ๓ รุ่นเหมือนกัน รุ่นที่ ๑ เรียกว่า รุ่นเป็นง่อย...! คือ ไม่คิดจะช่วยตัวเองอะไรเลย นอกจากโดดเกาะอย่างเดียว เกาะเฉย ๆ ก็ไม่ว่า รัดคออีกต่างหาก...! อาจารย์ไม่ตายก็บุญโขแล้ว พยายามจะถีบจะผลักให้เดินอย่างไร ก็ไม่สนใจทั้งนั้น กูจะเกาะอย่างเดียว แถมยังมีการไปต่อว่าอีกว่าพระอาจารย์ใจร้ายใจดำ ไม่ยอมให้เกาะ
ประเภทที่ ๒ กึ่งเป็นง่อย...! ก็คือ ช่วยงานอะไรไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้เป็นภาระมากนัก ก็ถือว่าพอใช้ได้อยู่ ส่วนประเภทที่ ๓ มาช่วยงาน แต่ก็ยังแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ ประเภทยิ่งช่วยยิ่งยุ่ง มีน้ำใจแต่ไร้ฝีมือ ยิ่งช่วยยิ่งมีปัญหา กับประเภทช่วยแบ่งเบาภาระงานได้จริง ประเภทที่ ๓ นี่มักโดนประเภทที่ ๑ และประเภทที่ ๒ มาอิจฉาอยู่เสมอ หาว่าทำไมรุ่นนี้ถึงใกล้ชิดได้ ทำไมเขาใกล้ไม่ได้ ฟังแล้วเครียด...!
การที่จะทำตัวเป็นภาระให้กับครูบาอาจารย์นั้น ในความรู้สึกของเขารู้สึกว่าดีเหลือเกิน โดยที่ไม่ได้รู้ว่าการที่แบกภาระนั้นหนักแค่ไหน จนกว่าจะเป็นครูบาอาจารย์เองนั่นแหละ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2016 เมื่อ 04:10
|