"ปีนี้มิติเด็กวัดท่าขนุน จบปริญญาตรีก็ให้ต่อปริญญาโทไปเลย ทั้งหมู่บ้านของเขาเพิ่งมีจบปริญญาตรีคนนี้คนเดียว กลับไปคุณสมบัติก็ท่วมชาวบ้านแล้ว เห็นมีโอกาสจึงให้เรียนต่อปริญญาโทไปเลย โดยเฉพาะเขาเรียนปริญญาตรีของสุโขทัยธรรมาธิราช อ่านหนังสือเองแล้วไปสอบ ไม่มีอาจารย์อธิบายให้ฟัง ก็เลยเรียนถึง ๖ ปี เรียนตั้งแต่อาตมาเรียนปริญญาตรีปีสุดท้าย มาจบหลังอาตมาจบปริญญาเอก ๑ ปี อาตมาอยากจะให้ยืมสมองไปใช้เหมือนกัน เสียดายที่ถอดให้ไม่ได้...!
บอกกับนักศึกษาว่า งานคณะสงฆ์ของเรามีจุดบกพร่องตรงที่ว่า ทำความดีแล้วไม่มีใครช่วยโฆษณา แต่ว่าพอทำไม่ดีจะโดนทันที สิ่งหนึ่งที่ขอเอาไว้ก็คือ ถ้าไม่มีกำลังพอที่จะช่วยเหลืองานเป็นสาธารณะ ที่จะช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับคณะสงฆ์ ก็อย่าทำให้คณะสงฆ์ต้องพังเพราะมือของพวกท่านเอง ก็คือถ้าไม่สามารถที่จะทำให้ศาสนาเจริญได้ ก็อย่าทำให้ศาสนาพังเพราะเราเลย
อาจารย์ท่านให้เอกสารมาด้วย กำหนดหัวข้อให้สรุปการบรรยายเป็นข้อ ๆ ถึงเวลาก็ส่ง ความจริงการเรียนนอกสถานที่ก็ดี แต่ว่าจากวัดป่าเลไลยก์ไปถึงทองผาภูมิ เดินทางตั้ง ๓ ชั่วโมง ช่วงนี้เป็นช่วงภาคฤดูร้อนของพระเณร อาตมาโดนบรรยายวันละ ๖ ชั่วโมง วันก่อนไม่ได้ไปงานศพของโยมที่คุ้นเคยกัน เพราะว่าชั่วโมงสุดท้ายเลิก ๖ โมงครึ่ง จากวัดไร่ขิงวิ่งกลับไปวัดท่าขนุนอย่างไรก็ไม่ทันฟังสวด โยมก็มักจะบ่นว่างานศพก็ไม่ได้ไป ถ้าว่างวันไหนก็ไปวันนั้นแหละ เขาสวดตั้ง ๕ วัน ๗ วัน
เมื่อวานซืนก็ไปประชุมที่วัดตะคร้ำเอน อำเภอท่ามะกา จน ๕ โมงกว่า วิ่งกลับไปทันฟังสวดพอดี ไม่ได้เข้าวัดหรอก ไปงานศพเขาก่อน เสร็จแล้วค่อยไปสรงน้ำผลัดผ้า ยังโชคดีว่าชุดของพระไปได้ทุกงาน แปลว่าเวลาที่จะเปลี่ยนชุดยังไม่มีเลย..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2016 เมื่อ 03:49
|