"ถ้ายังไม่สามารถที่จะหักห้ามได้อีกก็เป็นพยาบาท คราวนี้เป็นไฟสุมขอน แต่สุมแล้วไม่ได้เผาคนอื่นหรอก เผาตัวเอง เผาใจของเราเอง คิดไม่ดีกับคนโน้น คิดไม่ดีกับคนนี้ เรื่องดี ๆ ตั้งเยอะตั้งแยะทำไมไม่คิด คิดถึงความดีของพระพุทธเจ้า ความดีของพระธรรม ความดีของพระสงฆ์ ความดีของเทวดา คิดถึงคุณความดีของการรักษาศีล ของการบริจาคทาน คิดถึงความตายจะได้ไม่ประมาท คิดถึงความเป็นจริงของร่างกายเราว่ามีสภาพอย่างไร คิดถึงความสงบระงับที่ปราศจากกิเลส และที่สำคัญที่สุดก็คือคิดอยู่กับลมหายใจเข้าออก
ดังนั้น...การที่บางท่านปฏิบัติธรรมมานาน แต่ทำไมก้าวข้ามกิเลสไม่ได้เสียที ก็เพราะเราเป็นคนไปสุมไฟใส่เชื้อให้อยู่ตลอดด้วยการคิด ทำไมเราถึงต้องจับอานาปานสติคือลมหายใจเข้าออก ก็เพื่อว่าให้ความคิดทั้งหมดของเราอยู่ที่ลมหายใจตรงนี้ ลมหายใจเข้า...ลมหายใจออก ก็คืออยู่ปัจจุบัน ไม่ฟุ้งซ่านไปในอดีตและไม่ฟุ้งซ่านไปในอนาคต ซึ่งไม่ว่าจะอดีตหรืออนาคตก็สร้างแต่ รัก โลภ โกรธ หลง ให้เกิดแก่เราทั้งนั้น"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-04-2016 เมื่อ 17:11
|