พระอาจารย์เล่าว่า "หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ซึ่งตอนนั้นสถานการณ์ย่ำแย่กว่าสถานการณ์ตอนนี้เยอะ ข้าวของก็ต้องปันส่วนกัน ขนาดไม้ขีดไฟท่านยังบอกว่าหายากสุด ๆ ต้องทำตะบันไฟหรือชุดไฟมาใช้กัน ตะบันไฟเป็นการใช้หลักแรงอัดอากาศ ตบอัดเข้าไปทำให้เกิดความร้อนสูงจนเกิดเปลวไฟบนสำลีที่ใส่ไว้
ท่านบอกว่า สมัยนั้นการบิณฑบาตค่อนข้างจะฝืดเคือง เพราะญาติโยมอยู่ลำบาก กินลำบาก โอกาสที่จะใส่บาตรพระให้อุดมสมบูรณ์ก็ยาก แต่ถ้าวันไหนหวอดังแล้วระเบิดลง รุ่งขึ้นโยมใส่บาตรกันเพียบเลย หลวงพ่อท่านพูดขำ ๆ ว่า สงสัยเขาฉลองที่รอดตายมาได้
ช่วงสมัยของเราไม่ลำบากขนาดนั้น แต่สภาพเศรษฐกิจฝืดเคือง ดินฟ้าอากาศแห้งแล้ง จำเป็นที่จะต้องมีเครื่องช่วยชีวิต ในเรื่องของเศรษฐกิจฝืดเคือง หลวงพ่อท่านก็เมตตาให้พระคาถาเงินล้านไว้แล้ว ไปทำให้จริง ๆ จัง ๆ หน่อย ส่วนในเรื่องของดินฟ้าอากาศ ต้องปฏิบัติธรรมเพื่อที่จะให้กำลังใจเราทรงตัว จะได้ไม่ต้องไปหงุดหงิดกับดินฟ้าอากาศที่พิลึกพิลั่น ไม่อยู่กับร่องกับรอย"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2016 เมื่อ 02:21
|