"ของบางอย่างถ้าเรายังทำไม่ถึง ก็เหมือนกับดูสมบัติเศรษฐี เศรษฐีท่านแสดงให้เราดูว่าสมบัติของท่านมีอะไรบ้าง มีบ้าน มีที่ดิน มีรถยนต์ สารพัดสารเพ ของเราเองยังไม่มีสักอย่าง ก็ต้องพยายามหามาให้ได้ เพื่อให้เป็นสมบัติของเราเอง ไม่ใช่สมบัติของเศรษฐี
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ท้าพิสูจน์อยู่แล้ว เอหิปัสสิโก ขอเธอทั้งหลายจงมาดูธรรมนี้เถิด โอปนยิโก น้อมนำแล้วก็อยู่กายนี้เอง ไม่ได้ไปไกลกว่านี้เลย ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ อันวิญญูชนผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติแล้วจักรู้ได้ด้วยตนเอง ทำแทนกันไม่ได้ พอ ๆ กับกินข้าวแทนกันไม่ได้ เราต้องใช้พยายามในการไขว่คว้ามาเป็นสมบัติของเราเอง
พระเณรจะมีปัพพชิตอภิณหปัจจเวกขณ์ ๑๐ อย่าง มีอยู่ข้อหนึ่งว่า “บรรพชิตพึงพิจารณาเนือง ๆ ว่าคุณวิเศษของเรามีอยู่หรือไม่ ? เพื่อที่จะได้ไม่เก้อเขินเมื่อเพื่อนสหธรรมิกไต่ถาม” คือถ้าเขามีกันทุกคนแล้วเราไม่มีก็จะอายเขา คำว่าเก้อเขินในที่นี้แปลว่าอายเขา ก็เลยเป็นเรื่องจำเป็นที่เราต้องไขว่คว้าหามา
โดยเฉพาะญาติโยมทั้งหลายอยู่ในสถานะ อยู่ในสภาพของพุทธบริษัท คืออุบาสกบริษัทและอุบาสิกาบริษัท เป็น ๒ ในเสาหลักที่ค้ำจุนพระพุทธศาสนา ถ้าเราไม่สามารถปฏิบัติจนกระทั่งเข้าถึงหลักธรรมอย่างแท้จริง เพื่อนำไปอธิบายให้กับคนอื่นที่เขาเข้าใจผิด จนสามารถปรับความเข้าใจเขาให้ถูกได้ ก็แปลว่าเรายังปฏิบัติได้ไม่สมกับเป็นพุทธบริษัทเลย รู้สึกว่าการบ้านข้อนี้ใหญ่เกินไปไหม ? นี่อาตมาแค่พูดให้ฟัง ยังไม่ได้สั่งนะ เพิ่งจะบอกไปว่าสิ่งที่ครูบาอาจารย์สอนมาคือคำสั่งใช่ไหม ? แต่นี่อาตมาไม่ได้สั่ง เพราะฉะนั้น...ให้ทุกคนตั้งอกตั้งใจปฏิบัติก็พอ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-02-2016 เมื่อ 17:05
|