"เขาบอกว่า คนที่โดนต่อยจะไปรังแกน้องตัวเล็ก ก็คือด่าแล้วก็ข่มขู่ตั้งแต่ตอนเดินจงกรมแล้ว พอขึ้นที่พัก ยังตามไปจะเล่นเขาอีก ทางนี้ก็เลยต้องใส่ไว้ก่อนเพราะอีกฝ่ายตัวใหญ่กว่า จึงหันไปถามว่าตกลงใครทำก่อน ? คนที่โดนต่อยก็บอกว่า “ก็กวนตีนกันไปกวนตีนกันมาครับ” เขาว่าอย่างนั้น แต่ตอนแรกเขาบอกว่าโดนชกก่อน แล้วก็พูดแต่เรื่องที่ตัวเองโดน เพราะฉะนั้น..เราจะฟังความข้างเดียวไม่ได้
อาตมาบอกว่า "พวกเอ็งชกกันไม่เป็นไร ลูกผู้ชายวัยรุ่นก็ต้องมีบ้าง ข้าเองสมัยก่อนก็หัว ๗ แผล ตัวไม่นับเหมือนกัน แล้วเอ็งช่วยเพื่อนไปรุมอัดเขาข้าก็ไม่ว่าอะไร ลูกผู้ชายรักเพื่อนก็ถือว่าเป็นของดี แต่ที่จะตีก็คือเอ็งเป็นเณรแล้วเสือกลืมสภาพของตัวเอง" เขาค่อยนึกขึ้นมาได้ว่าเป็นเณร ไม่อย่างนั้นแต่ละคนอยู่ต่อหน้าอาตมา เอาแต่จะแยกเขี้ยวใส่กัน ต้องตัดสินโทษไปเลย
จะเอาคนละกี่ที ? ฝ่ายโจทก์ก็บอกขอ ๒ ที ฝ่ายจำเลยบอก ๓ ที ก็เลยบอก "เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้า ๓ ทีพวกเอ็งตายแน่ ถ้าอย่างนั้นหลวงพ่อเอาแค่ ๒ ที จะให้ตีรวดเดียวหรือว่าจะให้พักก่อน ?" ตอนแรกเขาก็ใจถึง บอกว่าตีรวดเดียว พอโดนฟาดไปทีเดียวบอก “ขอพักก่อนครับ” บอกว่า "เอ็งดูข้าเงื้อแค่นี้ แล้วถ้าเงื้อเต็มไม้จะตายไหม ? ปกติข้าตีเด็กวัด ตีทีหนึ่งได้ ๒ แผล โดนกันไปหูตาสว่างเลย"
"มีเรื่องกันอีกก็ได้...ไม่เป็นไร แต่ว่าคราวหน้าเพิ่มอีกเท่าตัว...!" เสร็จแล้วก็หันไปบอกพ่อแม่เขาว่า "รับไม่ได้ก็ต้องรับนะ เพราะว่าเห็นอยู่แล้วว่าลูกเป็นอย่างไร" พ่อแม่เขาบอกว่าไม่เป็นไร เพราะถ้าตัดสินยุติธรรมแบบนี้เขารับได้"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2015 เมื่อ 18:15
|