พระอาจารย์กล่าวว่า "สังเกตว่าคนรุ่นใหม่ เวลาทำอะไรมักจะถ่ายรูปแล้วก็แชร์ ไม่ว่าจะส่งทางไลน์หรือว่าเฟซบุ๊กก็ตาม ขอถามว่ามีใครไม่เป็นบ้าง ? ...(ยกมือหลายคน)... ถ้าไม่ใช่ตกยุคก็ต้องถือว่าสุดยอด ไม่ต้องไปไหลตามเขา อาตมาไม่ได้ตำหนิว่าคนที่ทำเขาไม่ดี แต่อยากจะถามว่า ไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างหรือ ? เหนื่อยบ้างไหมที่ทำอย่างนั้น ? ใช่สิ่งที่เราอยากทำจริง ๆ ไหม ? หรือว่าบ้าเห่อตามเขาไป ความจริงแล้วเราควรจะตั้งคำถามกับตัวเองบ้าง
อาตมาไม่ใช้โทรศัพท์ ไม่มีไลน์ ไม่มีทวิตเตอร์ มีแต่อีเมล์ที่นาน ๆ เปิดดูทีหนึ่ง ชีวิตมีความสุขกว่าเยอะเลย ไม่ต้องสะดุ้งตื่นกลางดึกเวลาเขาโทรมา ๖ โมงเย็นนั่งทำวัตร เจ้าคุณรองเจ้าคณะจังหวัดโทรมา อาตมาปิดเครื่องเลย เพราะเป็นเวลาทำวัตร บางวันก็เปิดให้ท่านฟังทำวัตรสัก ๑๕ นาที จนท่านโมทนาไม่ไหวต้องตัดสายทิ้งไปเอง เพราะเปลืองเงิน หลังจากนั้นท่านก็จะไม่โทรมาหลัง ๖ โมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่อาตมาจะปิดโทรศัพท์อีกเลย ไปเปิดอีกทีก็แปดโมงเช้าโน่น
หลายคนต้องสิ้นเปลืองมากมายมหาศาล เพราะต้องการที่จะแสดงให้คนอื่นเขาเห็นในสิ่งที่ตัวเองทำ ต้องไปกินอาหารในร้านดี ๆ แพง ๆ ซึ่งบางทีไม่มีความจำเป็นอย่างนั้น แต่อยากจะอวดรูปคนอื่น จึงยอมจ่ายราคาแพงกว่า อาหารเป็นเครื่องยังชีพ พิจารณาแบบพระเลย นะ มัณฑนายะ นะ วิภูสนายะ ไม่ใช่กินเพื่อประดับ ไม่ใช่กินเพื่อตกแต่ง ถ้าพูดเป็นภาษาไทย ก็คือ ไม่กินอวดร่ำอวดรวยว่าเราไฮโซหรูหรา ถ้าเงินเดือนต่ำติดดินแล้วไปทำตัวอย่างนั้น ลองคิดดูสิว่าเราจะติดลบเท่าไร ? เดี๋ยวก็กลายเป็นหนี้บัตรเครดิต พอเป็นหนี้บัตรใบที่ ๑ ก็ไปออกบัตรที่ ๒ กู้เงินมาโปะใบที่ ๑ ออกใบที่ ๓ กู้เงินมาโปะใบที่ ๒ เดี๋ยวก็หนี้ท่วมหัวล้มละลายไปเอง"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 07-11-2015 เมื่อ 07:16
|