"โยมพ่อก็สอนให้อาตมาไปไล่จิ้มต้นกล้วย บอกว่าพอนิ้วแทงต้นกล้วยเข้าแล้วก็มาเปลี่ยนเป็นกะลา ทิ่มกะลาทะลุเมื่อไรแล้วค่อยมาเรียนต่อ อาตมาก็ฝึกหัดด้วยความพากเพียรอยู่ระยะหนึ่ง แต่โยมพ่อตายเสียก่อนก็เลยไม่สามารถจะฝึกให้สำเร็จได้ แต่ทุกวันนี้ถ้าโยมรู้จักสังเกตจะเห็นว่า นิ้วชี้กับนิ้วกลางของอาตมาไม่เหมือนกับชาวบ้านเขา ไม่สั้นยาวเหมือนนิ้วคนอื่น แต่จะเท่ากัน..!
แล้วก็มีเฮียลิ้มจือ เฮียลิ้มจือไม่เก่งวิทยายุทธ์แต่เจ๊เหลียนเมียแกเก่งมาก ฝึกวิชาฝ่ามือทรายเหล็ก ถึงเวลาต้องคั่วทรายร้อน ๆ ด้วยมือ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามือเจ๊เหลียนแกแข็งขนาดไหน แต่แกตบกระดานแตกได้..! แล้วคนที่โดนตบประจำก็เฮียลิ้มจือนั่นแหละ บางวันเสียงดังโครม ปลิวทะลุข้างฝาออกมาพร้อมกับกระดาน ๓-๔ แผ่น..!
วันหนึ่งก็เห็นเจ๊เหลียนแกร้องไห้ร้องห่ม ต้มน้ำร้อนลวกมือตัวเอง เอามีดทื่อ ๆ ขูดหนังล่อนออกมาเป็นแผ่น ๆ เลย ถามว่าทำไม แกบอกว่า “เลิกแล้ว ไม่ฝึกอีกแล้ว” ก็คือมีเพื่อนบ้านมาปรึกษาว่าโดนผัวตี ทำร้ายร่างกายอยู่เรื่อย จะทำอย่างไรดี เจ๊เหลียนแกก็สอนวิธีให้ “ลื้อต้องใช้ ๓ นิ้วนี่นะ จิ้มไปตรงจุดนี้ ๆ แล้วผัวลื้อจะยืนแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ได้ ” อาตมาบอกไม่ได้นะ..เพราะถึงตาย ปรากฏว่าเขาไป “เลียะ” ผัวตายเลย..! เพราะด้วยความสงสารผัว กลัวว่าถ้าใช้ ๓ นิ้วผัวจะอาการหนัก เลยใช้นิ้วเดียว...ตายเลย..!
ที่เจ๊เหลียนให้ใช้ ๓ นิ้ว เพราะว่านิ้วกลางจะยื่นมานิดเดียว ถึงเวลาจิ้มถูกจุด นิ้วชี้กับนิ้วนางจะช่วยค้ำไว้ อาการจะไม่หนัก แกดันไปสงสารผัว จิ้มนิ้วเดียว ต้องบอกว่าคนเราถึงที่ตายจริง ๆ แกก็เลยโทษว่าไปทำให้คนอื่นตายเลยเลิกฝึก ต้มน้ำร้อนเอามือแช่ แล้วก็ใช้มีดขูด ๆ จนมือที่ด้านเหมือนสากกะเบือลอกเป็นแผ่น ๆ เลย เวลาที่แกอัดเฮียลิ้มจือ แกรู้ว่าหนักเบาแค่ไหน ประเภทกระเด็นทะลุข้างฝาไปคือส่วนหนาของร่างกายไปกระทบ คนอื่นอาจจะเห็นว่าน่ากลัว แต่แกรู้ว่าควรจะยั้งไว้เท่าไร แต่คนอื่นไม่รู้"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-10-2015 เมื่อ 09:52
|