"ใครทำอะไรไม่ดีกับเราให้จำเอาไว้เป็นบทเรียน ว่าเราจะไม่ทำอย่างนั้นกับคนอื่น ส่วนใครทำดีกับเราให้จดจำเอาไว้ มีโอกาสก็ทดแทนเขาไป ใหม่ ๆ จะทำใจยาก แต่ทำไปเถอะ ถึงเวลาแล้วจะดีกับตัวเราเองทั้งนั้น อาตมาถึงได้ใช้คำว่า "ใครวางก่อนสบายก่อน ใครอยากแบกก็ช่างหัวมัน" โอกาสดี ๆ มาถึงแท้ ๆ แต่กลับเห็นเป็นเรื่องไม่ดี
สถานที่จะดีแค่ไหนก็ตาม ครูบาอาจารย์จะดีแค่ไหนก็ตาม คนก็ยังเป็นคนอยู่วันยันค่ำ ขึ้นชื่อว่าคนแล้วย่อมมี รัก โลภ โกรธ หลง อยู่เต็มหัวเป็นปกติ อะไรพอทนได้ก็ทน อะไรพออภัยได้ก็อภัย ถ้าเหลืออดเหลือกลั้นจริง ๆ ก็พิจารณาต่อไปเลยว่า สภาพที่เราเจออย่างนี้ยังอยากได้อีกไหม ? ยังอยากเกิดอีกไหม ? ขนาดในแวดวงของผู้ปฏิบัติธรรมยังมีแต่ทุกข์แต่โทษขนาดนี้ แล้วด้านนอกจะไม่มีนั้นจะเป็นไปได้หรือ ?
อดีตแม่ชีชไมเคิลหลุดวงโคจรไปคนหนึ่งแล้ว ไม่รู้จักใช้วิกฤติให้เป็นโอกาสของตนเอง ซึ่งหลัก ๆ ก็ไม่มีอะไรหรอก ก็คือสักกายทิฐินั่นแหละ ...กูทำดีอยู่แล้ว ทำไมคนอื่นทำไม่ดีกับกู ?... ไปคิดอย่างนั้นก็บรรลัย ถ้าหากว่ากูดีจริง คนอื่นเขาก็ต้องดี
อะไรที่เป็นขนบธรรมเนียมประเพณี เป็นระเบียบวินัยก็ทำไป เพราะอย่างไรเราก็ต้องปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นไม่มากก็น้อย มนุษย์เป็นสัตว์สังคม จะทิ้งสังคมเลยเป็นไปได้ยาก เพียงแต่ว่าการปฏิสัมพันธ์นั้น เราต้องพยายามรักษากำลังใจของเราเอาไว้ให้ดี"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2015 เมื่อ 02:46
|