พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงพระพุทธรูปทองคำ ถ้าหล่อแบบพระพุทธชินราชก็มีทองพอแล้วนะ เสียดายว่าท่านสั่งให้หล่อแบบทรงเครื่อง ทองจึงยังไม่พอ ไม่รู้ว่าจะซื้อทันไหม..เพราะว่าทองจะขึ้นราคามาก ใครมีโอกาสถ้าจะซื้อก็ซื้อ ๆ ไว้ก่อน ถ้าทองขึ้นนี่ขึ้นหลักหมื่นนะ..ไม่ใช่แค่หลักพัน
เขามีระบบการซื้อขายทองบนกระดาษ ระบบนี้ซื้อกันไปขายกันมา คุณอาจจะวางทองค้ำประกันไว้ ๑๐ บาท แต่ซื้อไปขายมาทวีคูณไปอาจจะเป็น ๒๐๐-๓๐๐ บาท แต่ทองจริง ๆ มีแค่ ๑๐ บาท แล้วคุณลองคิดดูว่า ถ้าทุกคนที่ถือตั๋วสัญญาอยู่ต้องการทองพร้อม ๆ กัน เขาจะเอาจากไหนให้ แล้วระดมซื้อทองพร้อม ๆ กัน ทองทั้งโลกจะขึ้นไปเท่าไร
ใครเล่นทองอย่าย่ามใจ ได้แล้วรีบเบิกออกมาให้เร็วที่สุด ไม่ใช่ทบต้นไปเรื่อย ๆ แบบทบต้นไปเรื่อย ๆ นี่เจ๊งทีก็หมดเลย"
ถาม : คนค้าขายจะเล่นง่าย ?
ตอบ : ง่าย...แต่ไม่ใช่ความเป็นจริง ในเมื่อการค้าขายไม่ยืนอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง คนขายไม่ได้มีสินค้าอยู่ในมือ ลักษณะเดียวกับพวกเซ็งลี้ตอนสงครามโลก คนที่หนึ่งมีน้ำมันอยู่ถังหนึ่ง บอกขายคนที่สองไป ๕๐๐ บาท คนที่สองบอกขายคนที่สามไป ๗๐๐ บาท คนที่สามบอกขายคนที่สี่ ๑,๐๐๐ บาท รับเงินกันไปเป็นทอด ๆ แต่น้ำมันมีอยู่ถังเดียว สมัยสงครามโลกเขาทำกันอย่างนี้ ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงเขาบอกว่า เพื่อนไม่ได้มีอาชีพอะไรหรอก เหมือนกับเซลล์แมนเดินขายของ แต่รายได้สมัยนั้นวันหนึ่งสองสามร้อยบาท สมัยก๋วยเตี๋ยว ๒ ชาม ๕ สตางค์ สองสามร้อยนี่รวยตายชักเลย นี่คือฝีมือการเซ็งลี้สมัยนั้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2015 เมื่อ 19:21
|