ถาม : ข้อที่ว่าไม่ยอมให้ศีลขาดจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ความรู้สึกตรงนี้จะเกิดขึ้นได้จะต้องมีอะไรเป็นนิมิต จึงได้มั่นอกมั่นใจขนาดนั้น ?
ตอบ : เห็นประโยชน์ในตรงจุดนั้นแล้วว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนมานั้นมีคุณจริง ลักษณะเดียวกับพระที่ท่านออกธุดงค์ พอถึงเวลาก็เหลือแต่ศีล สมาธิ ปัญญาเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับภัยอันตรายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก็อ้างคุณของทาน ของศีล ของภาวนาแล้วหลุดรอดมาได้ ก็จะเกิดความมั่นใจขึ้นไปเรื่อย ๆ เมื่อความมั่นใจของเราไปถึงระดับที่ไม่คลอนแคลนเมื่อไร ก็เป็นอันว่าตีก็ไม่ไปไล่ก็ไม่หนี อย่างไรชีวิตนี้ก็มอบกายถวายชีวิตให้แก่พระรัตนตรัยแล้ว ก็แปลว่าถ้าลักษณะอย่างนั้นไปบอกให้เขาละเมิดศีล เป็นตายก็ไม่ยอมละเมิด
ถาม : ช่วงเวลาที่ไม่มีพระศาสนาเกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นไปได้ยากนะครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่เป็นไปได้ยาก เป็นไปไม่ได้เลย เพราะช่วงโลกว่างจากพระศาสนา ส่วนใหญ่เป็นช่วงที่ผู้คนไม่มีศีลไม่มีธรรม แม้กระทั่งคิดจะให้ทานอย่างอังกุรเทพบุตร ตั้งโรงทาน ๘๐ โรง ให้ทานอยู่สองหมื่นปี ให้ทานทั้งกลางวันกลางคืน ปรากฏว่ามีผลน้อยกว่าอินทกเทพบุตรที่ใส่บาตรครั้งเดียว เพราะว่าโลกยุคนั้นหาคนที่มีศีลมีธรรมไม่ได้เลย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2015 เมื่อ 02:07
|