เรื่องของการศึกษาพวกนี้ในสมัยที่อยู่วัดท่าซุง อาตมาก็ได้อาศัยหลวงตาวัชรชัย เพราะว่าท่านเป็นรุ่นพี่ เวลาพวกเรามีอะไรสงสัย พวกเราก็จะไปถาม ช่วงค่ำพอเลิกกรรมฐานแล้ว ประมาณทุ่มครึ่ง สถานที่เป็นสโมสรของพวกเราเลยก็คือใต้หอระฆัง หน้าร้านป้ากิมกี มีอะไรสงสัยข้องใจก็ไต่ถาม หลวงตาท่านก็จะอาศัยกระแสที่ท่านบอกไม่ชัดเจนนั่นแหละ แต่ใส่มาเป๊ะ ๆ ทุกที แล้วพวกเราก็ได้อาศัยเป็นหลักการปฏิบัติ เพราะว่าจะไปสอบถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อโดยตรง พวกเราก็ไม่มีโอกาสที่จะทำอย่างนั้นได้บ่อยนัก
ในส่วนที่หลวงตาท่านบอกว่าไม่ชัดเจนนั้น บางสิ่งบางอย่างที่ท่านแนะนำในเรื่องของอดีตเจ้าอาวาสของวัดท่าซุง ท่านนั้นเป็นอย่างนั้น ท่านนี้เป็นอย่างนี้ พอพวกเราเข้าไปกราบทำความรู้จัก ก็ปรากฏว่าเป็นไปตามที่หลวงตาท่านบอกไว้ทั้งหมด ในส่วนนี้แหละที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกพวกเราว่า มโนมยิทธิต้องเชื่อความรู้สึกแรก ไม่ใช่ตาเห็น แต่ถ้าเราทำไปเรื่อย ๆ ใครวิสัยเดิมมา มีกสิณกองใดกองหนึ่งที่เกี่ยวเนื่องด้วยทิพจักขุญาณมา จะมีความชัดเจนขึ้น อันนั้นเป็นวาสนาบารมีเฉพาะตัว แต่การเชื่อความรู้สึกแรกนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าเราไม่เชื่อความรู้สึกแรกนี้ เอ๊ะ..เมื่อไร เดี๋ยวก็มีการปรุงแต่งเพิ่มแล้วจะพลาด ซึ่งตรงจุดนี้หลวงตาท่านมีประสบการณ์มากกว่า ท่านให้คำแนะนำสั่งสอนมา
เราที่เป็นลูกศิษย์ อย่ายินดีแค่สิ่งที่อาจารย์บอก ต้องพยายามทำให้เกินนั้นหรือทำให้มากกว่าถึงเป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าถ้าเรายินดีแค่สิ่งที่อาจารย์บอก แต่เราไม่สามารถถ่ายทอดได้เท่ากับอาจารย์ รุ่นหลัง ๆ ไปก็จะตกต่ำลงไปเรื่อย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องฝึกฝนให้เกิดความคล่องตัวให้มากเข้าไว้ และอย่าลืมว่าเรื่องของพระนิพพานเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของเรา ต่อให้ฝึกฝนอะไรมาก็ตาม อย่าทิ้งเป้าหมายของพวกเราเป็นอันขาด
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-09-2015 เมื่อ 19:42
|