หลวงตาวัชรชัย : เมื่อคืนหลวงตาพักอยู่ที่รีสอร์ท นินทาอาจารย์เล็กอยู่ ...(หัวเราะ)... คุยกับลูกหลานเรื่องเมื่อครู่นี้ คุยกันเรื่องทุกข์ที่มาอยู่ในปัจจุบัน ทำกรรมเวรอะไรมานักหนา ทำไมต้องเอากูขนาดนี้ ก็เลยบอกเขาว่า “ก็ทำมาเอง ในเมื่อสร้างเหตุมา ผลก็ต้องรับ แล้วจะมาตัดพ้อต่อว่าอะไร” พอพูดไปแล้ว กระแสตัดไปเลย
เคยคุยกันเรื่องอารมณ์กรรมฐาน อารมณ์ทิพจักขุญาณ เล่าให้เขาฟังว่าตอนที่เราเป็นฆราวาสอยู่ นำพี่น้องปฏิบัติอยู่กลุ่มหนึ่ง ก็บอกให้เขาสังเกตว่า อารมณ์ฌานสมาบัติเป็นอย่างไร เราเข้าไปถึงอุปจารสมาธินี่ใจจะเป็นสุข เสียงก็ไม่ค่อยรำคาญ พอไปถึงปฐมฌานขึ้นไปจะตัดเสียง เสียงเขาก็ดังตามปกติแต่เราไม่ได้ยิน ก็เล่าให้ฟังว่าข้างบ้านที่สอนกรรมฐานเขาเล่นลิเกกันตั้งแต่ ๒ ทุ่มยัน ๕ ทุ่ม พอเราเริ่มคุยเขาก็เริ่มดังออกแขกกัน พอคุยไปสักประเดี๋ยว ทั้งกลุ่มสักประมาณ ๑๐ คนไม่ได้ยินเสียงเลย ก็เลยคิดว่าปีนี้เขาเลิกเร็วโว้ย เพราะไม่ได้ยินเสียง พอมาเปิดเทปฟังวันรุ่งขึ้น โห..เสียงแม่ง..ดังสนั่นยัน ๕ ทุ่ม..!
ก็เลยบอกว่า เออ...เวลาจิตเราคุยกันเรื่องธรรมะ สมัยเป็นฆราวาสก็ไม่ได้เก่งอะไรนะ จิตเข้าไปเคารพในหลวงพ่อ ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นึกถึงความตาย ศีลบริสุทธิ์ คุยกันในใจก็อิ่มเอิบเบิกบาน พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านรออยู่นะ อย่าประมาทนะ หูไม่ได้ยินเพราะใจเพลิน พอเอาเทปไปเปิดแม่ง..ดังยัน ๕ ทุ่มเลย
เมื่อคืนนี้ก็เหมือนกันนะ โชคดีมากที่อำเภอเขาจัดดนตรีอย่างดังมาก นอนอยู่ในห้องติดแอร์นี่นะลูก เตียงสะเทือนเลย แต่เราคุยกันข้างนอกไม่มีแอร์ เป็นแบบเดิม คุยกันสนุกสนาน นี่นั่งนินทาองค์นี่แหละ... (พระอาจารย์เล็ก) ว่าองค์นี้เขามาทางฤทธิ์ทางอภิญญาชัดเจน พอกระแสบอกว่าเลิกได้แล้ว เฮ้ย..กลับมาได้ยินเสียงเหมือนเดิม กระแสบอกให้เลิกแสดงว่าอารมณ์ทางโลกเขามาแล้ว ไปนอนดีกว่า มีลูกศิษย์บอกว่า ถ้าเป็นหลวงพ่อเล็กคงบอกแล้วว่าองค์ไหนบอก แต่หลวงตาบอกไม่เป็น หลวงตาบอกได้แต่กระแสตามที่ครูบาอาจารย์สอน แต่อาจารย์เล็กจะบอกได้ชัดเจน ใครบอก ใครคุม
ยกตัวอย่างนิดหนึ่งเมื่อ ๓๐ ปีก่อน ไปสอนกรรมฐานที่พุทธไชโย เอ้า..ท่านไม่ให้คุยก็ไม่คุย กระแสตัดไปแล้ว คืนไมค์ให้แล้วกัน
พระอาจารย์เล็ก : เริ่มนินทาชาวบ้าน ...(หัวเราะ)... พอเริ่มนินทาพระท่านเลยตัดกระแสไป
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-09-2015 เมื่อ 13:57
|