"ในสิ่งที่เราทำ ขอย้ำว่าต้องจริงจังและสม่ำเสมอ ทำแล้วต้องหวังผล ถ้าทำแล้วไม่รักษากำลังใจไว้ ถึงเวลาก็ต้องเริ่มต้นใหม่ แบบนี้เสียผู้เสียคนมาเยอะแล้ว หลายท่านเคยปฏิบัติดี ๆ แล้วปล่อยให้กำลังใจเสียไป กู้เท่าไรก็เอาคืนมาไม่ได้ ที่กู้เท่าไรเอาคืนมาไม่ได้เพราะเราไปอยากได้เท่าเดิม การที่เราปฏิบัติแล้วอยากได้อย่างนั้นอย่างนี้ ทำให้กำลังใจไม่มั่นคง จัดอยู่ในส่วนของอุทธัจจะกุกกุจจะ ก็คือความฟุ้งซ่าน ในเมื่อยังฟุ้งซ่าน นิวรณ์ยังกินอยู่ โอกาสที่จะเข้าถึงอย่างเดิมก็ยาก
ฉะนั้น..ต่อไปให้เราตั้งหน้าตั้งตาภาวนา ส่วนจะได้หรือไม่ได้อย่างไรช่างมัน ถ้าทำกำลังใจอย่างนี้ก็จะเข้าถึงกันเร็ว ปกติแล้วหลังการปฏิบัติธรรมของเราจะเลิกรับศีล ๘ หันมารับศีล ๕ แทน แต่อาตมาขี้เกียจให้ เพราะว่าทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าศีล ๕ คืออะไร ให้ตั้งใจทำไปเลย การสมาทานศีลคือไปขอศีลจากพระ พระท่านก็จะบอกว่าศีลมีอะไรบ้าง แล้วเราก็นำไปปฏิบัติ ในเมื่อเรารู้อยู่แล้วว่าศีลมีอะไร ก็ไม่ต้องเสียเวลามาขอ ให้ปฏิบัติไปได้เลย
ถ้าใครรักษาศีล ๘ ไว้ได้ ก็เป็นการดี เพราะจะสนับสนุนการปฏิบัติของเราให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เนื่องจากตัดความห่วงลงไปได้มาก แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ อย่างน้อยศีล ๕ จะต้องมี เพื่อที่เราจะได้มีพื้นฐานของความดีที่จะช่วยสนับสนุน อย่างน้อย ๆ ถ้าหากว่าแย่จริง ๆ ตายไปก็ไม่หลุดจากความเป็นมนุษย์ คือศีล ๕ เขาเรียก มนุษยธรรม คือธรรมที่ทำให้เกิดเป็นมนุษย์ ถ้าเป็น หิริ โอตตัปปะ เรียกว่า เทวธรรม คือธรรมที่ทำให้เกิดเป็นเทวดา ถ้าพรหมวิหาร ๔ เรียกว่า พรหมธรรม คือธรรมเป็นเครื่องอาศัยของพรหม
ฉะนั้น..ในเมื่อเรารู้แล้วว่าจะเกิดเป็นคนได้ต้องมีอะไร ก็ปฏิบัติตามกติกานั้นเป็นอย่างน้อย แต่ถ้าสามารถปฏิบัติตามเทวธรรม พรหมธรรม ตลอดจนกระทั่งหลักธรรมที่ทำให้เราหลุดพ้นจากกองทุกข์ได้ก็ยิ่งเป็นการดี
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
โอวาทช่วงงานบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมวันอาสาฬหบูชา
วันที่ ๓๐ กรกฎาคม – ๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธ)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2015 เมื่อ 14:48
|