เรื่องของการยอมรับกฎของกรรม ถ้าหากว่าพวกเราได้ศึกษาในยถากัมมุตาญาณ ศึกษาในปุพเพนิวาสานุสติญาณ ศึกษาในอตีตังสญาณ ญาณทั้งหลายเหล่านี้ทำให้เรารู้อดีต รู้ว่าตอนนี้เราเดือดร้อนอยู่เพราะทำอะไรมา แล้วเราก็จะเห็นชัด ๆ เลยว่าที่เราเป็นอยู่อย่างนี้เพราะเราทำเอง ก็จะยอมรับกฎของกรรมได้ พระพุทธเจ้าท่านสอนสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ให้เพื่อเรารู้ว่าเราได้ทำอะไรไว้ แล้วถึงเวลาก็ “เออ..เราทำเขาเอาไว้ก่อนเอง ทำไว้ร้อยหนึ่งเขาขอคืนแค่บาทเดียวเท่านั้น” ก็จะค่อย ๆ ยอมรับกฎของกรรมไปเรื่อย ๆ
ถ้านักปฏิบัติไม่ยอมรับกฎของกรรมเมื่อไร จะเกิดสภาวะ ๒ ประการขึ้นมา ประการแรก คือ เรื่องอภิญญาสมาบัติ ถ้าคุณต้องการอภิญญา ชาตินี้ไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะว่าอภิญญาสมาบัติมีอำนาจสูงมาก ถ้าเราไม่ยอมรับกฎของกรรม เราก็จะใช้กำลังไปฝืน แล้วทำให้ระบบธรรมชาติยุ่งยากวุ่นวายไปหมด ดังนั้น..ท่านใดอยากได้อภิญญา ตั้งใจยอมรับกฎของกรรมไปแต่โดยดี
แต่อย่ายอมรับแบบควาย หลวงพ่อชาท่านบอกลูกศิษย์ที่พายุพัดหลังคากุฏิเปิงไป ลูกศิษย์ก็นั่งกรรมฐานอยู่อย่างนั้นแหละ หลวงพ่อชาไปถึงก็บอกว่า “คุณ..ซ่อมกุฏิเสียหน่อยสิ” พระท่านเรียนว่า “ผมปล่อยวางแล้วครับ” หลวงพ่อชาท่านว่า “ควายมันตากแดดตากฝนทนอยู่ทุกวัน ทนได้มากกว่าคุณอีก” การปล่อยวางหมายความว่าต้องแก้ไขจนสุดกำลังความสามารถแล้ว สุดกำลังกาย กำลังใจ กำลังปัญญา กำลังคน กำลังทรัพย์ แก้ไม่ได้แล้วค่อยยอมรับว่าเป็นกฎของกรรม เรื่องที่พอแก้ได้แล้วดันมานั่งตากแดดตากฝน ท่านยืนยันว่าควายทนกว่าคุณอีก เพราะฉะนั้น..ถ้าเราจะปล่อยวาง ถึงมีช่องทางแม้แต่ ๐.๐๑ เปอร์เซ็นต์ก็ต้องทำไปก่อน เผื่อว่าจะรอด..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-08-2015 เมื่อ 11:37
|