ท่านก็กล่าวต่อไปอีกว่า "แม้นหวังตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์ ศัตรูกล้ามาประจัญ จักอาจสู้ริปูขยั้น
แบบเดียวกับแคว้นวัชชี ปกครองโดยสามัคคีธรรม พระเจ้าอชาตศัตรูเป็นกษัตริย์แคว้นมคธ แคว้นมคธนี่ใหญ่โตมโหฬารมากกว่าแคว้นวัชชีหลายเท่า แต่แตะต้องแคว้นวัชชีไม่ได้ เพราะว่าแคว้นวัชชีนอกจากจะสามัคคีกลมเกลียวกันแล้ว ฝีมือในการรบก็นับว่าสุดยอด เขาบอกว่าเหล่ากษัตริย์แคว้นวัชชีสามารถขี่ม้าแล้วแผลงศรเข้าไปยังช่องดาลประตูได้ ถ้าเป็นสมัยนี้ก็ยิงปืนตอกหัวตะปูได้
แม้ว่าจะใช้ธรรมาธิปไตยแต่ก็ต้องเตรียมพร้อมลักษณะนั้น แบบเดียวกับพระเจ้าโกรัพยะ พระรัฐบาลบอกว่า โลกคือหมู่สัตว์ไม่มีผู้ป้องกัน ไม่เป็นใหญ่เฉพาะตน พระเจ้าโกรัพยะบอกว่า ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น อย่างพระองค์เป็นกษัตริย์ก็เป็นใหญ่แล้ว พระรัฐบาลบอกว่า ดูกรมหาบพิตร ถ้ามหาบพิตรได้ข่าวว่า ข้างฟากมหาสมุทรแห่งโน้น มีบ้านเมืองที่อุดมสมบูรณ์อยู่ ด้วยช้างม้าวัวควาย ด้วยแก้วแหวนเงินทอง ปราศจากกำลังรบ พระองค์ท่านจะทำอย่างไร พระเจ้าโกรัพยะบอกว่า โยมก็ต้องเกณฑ์ไพร่พลไปเพื่อยึดบ้านเมืองนั้นมาเป็นของเรา พระรัฐบาลเถระบอก นั่นแหละ ไม่มีผู้ป้องกัน ไม่มีผู้เป็นใหญ่เฉพาะตน
ท่านบอกไว้หลายข้อ โลกคือหมู่สัตว์อันชรานำไปไม่ยั่งยืน อันนี้ชัดเจนเลย อนิจจัง ก้าวเข้าไปหาความแก่ ความตายตลอดเวลา ท้ายสุดท่านว่า โลกคือหมู่สัตว์ พร่องอยู่เป็นนิจ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา
เรื่องเหล่านี้มันเป็นเรื่องปกติตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน และจะเป็นต่อไปในอนาคตข้างหน้า แม้ว่าสภาพบ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนก็ตาม แต่ว่ากิเลสคนยังเหมือนเดิม มันยังรัก โลภ โกรธ หลงเหมือนเดิม ดังนั้นธรรมะของพระพุทธเจ้าจึงเป็นอกาลิโก ไม่โดนจำกัดด้วยกาลสมัย ไม่ว่ายุคไหน สมัยไหน ถ้านำธรรมะของท่านไปใช้ก็ได้ประโยชน์ทั้งนั้น เพราะว่ายุคใดก็ตาม เจริญสุดขีดขนาดไหนก็ตาม กิเลสมันก็หน้าตาเหมือนเดิม"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 10-08-2009 เมื่อ 12:10
|