อาตมาเองก็เหมือนกัน ไม่ได้คิดจะเป็นทหาร ถึงเวลาสถานการณ์บังคับ ถ้าอาตมาอยู่คนอื่นจะเดือดร้อน เพราะว่าช่วงนั้นจะเป็นการสืบทอดกิจการ อาตมาไปทีหลัง พระครูแสงเขาไปก่อนตั้ง ๓ ปี เพียงแต่ว่าการคิดงานทำงานของท่านสู้อาตมาไม่ได้ แล้วกลายเป็นว่ากิจการจะมาตกอยู่ในมือของอาตมา ก็มาคิดว่า “เอ..ถ้าเป็นเรามาก่อน ๓ ปี แล้วเขาบอกว่าจะให้เราสืบต่อกิจการ แล้วอยู่ ๆ กลายเป็นคนอื่น ถ้าเป็นเราจะยอมไหม ?” เลยคิดว่าถ้าเป็นเราก็คงไม่ยอมเหมือนกัน ถ้าเราอยู่ไปแล้วกลายเป็นของเรา น้องเขาคงต้องคิดเหมือนกัน
พอดีได้จังหวะเกณฑ์ทหารจึงสมัครไปเลย ไปให้พ้นไปเสีย พอไม่มีอาตมาพี่เขาจะได้ยกให้พระครูแสง แต่ที่ไหนได้..พระครูแสงก็เผ่นตาม เขาไม่ได้สมัครหรอก เขาจับได้ใบแดง
ช่วงก่อนเป็นทหารพระครูแสงเกเรมาก ก็คือเมาหัวราน้ำ เหล้า บุหรี่ กัญชา เอาหมดทุกอย่าง ทางบ้านก็อยากให้โดนดัดสันดานประเภทส่งไปไกล ๆ เลย ปรากฏว่าเจ้าประคุณเอ๋ย พอแยกหน่วยเสร็จสรรพเรียบร้อยเขาลงข้างบ้านเอง บ้านอยู่ปากทางสนามบินกำแพงแสน แล้วเขาไปลงสนามบินกำแพงแสน คนอื่นนี่กว่าจะตะเกียกตะกายถึงบ้าน บางคนอยู่ตาพระยา บางคนอยู่สุราษฎร์ธานี เขาเองบอกว่ามีสตางค์ ๒ บาทก็กลับบ้านได้ แต่คนอื่นเขาเดินทาง ๒ วัน ลา ๑๐ วันเหลือ ๖ วัน เขาเองเสาร์อาทิตย์กลับบ้านได้ มีสตางค์ ๒ บาทก็ถึงบ้านแล้ว
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-06-2015 เมื่อ 20:08
|