พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยอาตมาเด็ก ๆ เรียนชั้น ป.๑ มีครูจบชั้น ป.๔ อยู่ ๒ ท่าน จบ ป.๔ มาเป็นครู สั่งสมประสบการณ์แล้วไปเรียน ป.กศ. ป.กศ.สูง หรือ พ.ม. ตอนนั้นมีครูชั้นตรี ชั้นโท ชั้นเอก ไม่ได้แบ่งระดับด้วย ซี. อย่างตอนนี้
อย่างบ้านนอกของอาตมา ทั้งปีทั้งชาติอย่าไปหวังว่าจะมีครูจบปริญญาตรีประเภท ค.บ.(ครุศาสตรบัณฑิต) ไม่มีหรอก พอมาระยะหลังปริญญาตรีเริ่มจบมากขึ้น แล้วมี ปวช. ปวส. ปวท. มาคั่นกลาง ระยะหลังความต้องการความรู้มากขึ้น ก็เรียนปริญญาโทหรือ MBA นิยมกันอยู่พักหนึ่ง รู้สึกว่าทุกหน่วยงานต้องบังคับคนที่จบปริญญาตรีแล้วมีกำลังความสามารถ มีสมองเพียงพอ ไปเรียน MBA เรียนไปเรียนมากลายเป็นปริญญาโทชักเฟ้อ ก็เริ่มมาเรียนปริญญาเอกกัน หลังจากรุ่นอาตมาไปไม่นานปริญญาเอกก็คงจะเฟ้อ แต่ไม่รู้ว่าจะไปเรียนอะไรแล้ว
ก็แปลกนะ ความรู้ของคนสูงขึ้น ๆ แต่วุฒิภาวะและความสามารถลดลง ๆ อาตมาสังเกตว่าคนจบปริญญาตรีครุศาสตรบัณฑิตปัจจุบันนี้ สู้ครูจบชั้น ป.๔ ของอาตมาไม่ได้ คุณครูท่านพร้อมทั้งจิตวิทยา พร้อมทั้งความรู้ความสามารถ จบชั้น ป.๔ สมัยก่อน วิชาการแข็งโป๊ก อาตมาจบแค่ชั้น มศ.๓ เรียนยันปริญญาเอก ภาษาอังกฤษไม่แพ้ใครเลย สมัยก่อนเรียนเยอะมาก เริ่มเข้าชั้น ป.๕ ต้องเรียน Grammar เกี่ยวกับไวยากรณ์ เรียน Standard คือหลักสูตรทั่วไปที่เป็นมาตรฐานโลก เรียน Oxford เป็นหลักสูตรของมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด เรียน Living การใช้ภาษาในชีวิตประจำวันทั่วไป เด็กสมัยนี้ได้เรียนสักเล่มหรือเปล่า ? แล้วมีการบังคับออกเสียง ออกเท่าไรก็ไม่ได้ เพราะลิ้นไม่ให้
เด็กรุ่นหลัง ๆ บอกว่าหลวงพ่อพูดสำเนียงประหลาด ๆ เพราะรุ่นอาตมาเขาบังคับออกเสียง ชั้น ป.๕ เรียนภาษาอังกฤษ ๔ เล่ม แม้แต่ฝรั่งเขายังบอกว่าประเทศไทยเรียนภาษาอังกฤษยากมาก ยากจนฝรั่งมาเรียนเองยังตก แต่ที่เราไม่เก่งภาษาอังกฤษ เพราะไม่มีโอกาสได้ใช้ ส่วนใหญ่แล้วไปกลัวฝรั่ง ต่อไปไม่ต้องกลัวนะ ถ้าเขาตัวใหญ่กว่าเราก็ใช้มวยไทย ถ้าเขาตัวเล็กกว่าก็ตบกะโหลกไปเลย..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 22-05-2015 เมื่อ 08:37
|