ญาติโยมจะเห็นว่า คำถามบางคำถามนั้น เป็นการกระทำไปโดยพาซื่อ อย่างเช่น เพื่อนพระบอกว่าของชิ้นนี้เอาไปได้ก็เอาไป แสดงว่าขาดการอบรมจากครูบาอาจารย์เป็นอย่างมาก เสี่ยงต่ออาบัติอย่างสูง ไม่ได้คุ้มค่าเลยแม้แต่น้อย จะหยิบจะจับอะไรของภิกษุเรา ถ้าเจ้าของไม่ได้อนุญาต เคลื่อนออกจากฐานแค่เส้นผมผ่า ๑๖ ก็โดนอาบัติปาราชิกไปเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้น..เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ง่าย ๆ เลยว่าครูบาอาจารย์สมัยนี้ไม่ค่อยจะเข้มงวดกับลูกศิษย์
ปัญหาที่ต้องการให้ถาม ก็คือ เราปฏิบัติธรรมไปแล้วปัจจุบันเป็นอย่างไร ? ควรจะปฏิบัติต่ออย่างไร ? ไม่ใช่ถามเพื่อสนองกิเลสในเรื่องที่ตอบไปแล้วก็ไม่เจ็บไม่คัน พูดง่าย ๆ ก็คือรู้แล้วเอาไปอวดชาวบ้าน แล้วก็ทะเลาะกันต่อไป เพราะอีกคนหนึ่งอาจจะไม่เชื่อก็ได้ จะกลายเป็นว่า “อาจารย์ฉันบอกอย่างนี้” แล้วเอาคำของอาจารย์ไปกลายเป็นอาจริยวาท ไปก่อวิวาทะกันขึ้น
ในเรื่องของคำถามขอให้พิจารณาให้ดี ๆ ว่าเกิดประโยชน์แก่ตนและส่วนรวมหรือไม่ ถ้าไม่เกิดประโยชน์แก่ตนและส่วนรวมก็อย่าเสียเวลาถามเลย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-05-2015 เมื่อ 15:09
|